Search
Close this search box.

5 โรคเด็กหน้าร้อนที่พ่อแม่ควรระวัง พร้อมวิธีดูแลอย่างเหมาะสม

คุณพ่อคุณแม่ทราบไหมคะว่า… อากาศร้อนนอกจากจะทำให้รู้สึกไม่สบายตัวแล้ว ยังเป็นสาเหตุของโรคเด็กชนิดต่าง ๆ ด้วย

เพราะในช่วงนี้เชื้อโรคกับแบคทีเรียจะเติบโตได้ดีเป็นพิเศษ ทำให้อาหารเน่าเสียเร็วขึ้น เกิดการปนเปื้อนกับสิ่งของได้ง่าย รวมถึงรังสียูวียังมีความเข้มข้นสูง เป็นอันตรายต่อผิวของลูกน้อย ส่งผลให้ป่วยเป็นไข้หวัดได้ด้วย วันนี้ Cotton Baby จึงชวนมารู้จักกับโรคเด็กที่เกิดในหน้าร้อน พร้อมบอกวิธีดูแลให้พ่อแม่รับมือกับอาการของลูกได้ทันท่วงที

พ่อแม่เตรียมรับมือ 5 โรคเด็กในหน้าร้อน

เนื่องจากเมืองไทยมีอากาศร้อน คุณพ่อคุณแม่จึงคุ้นชินกับสภาพอากาศอยู่แล้ว แต่สำหรับเด็ก ๆ โดยเฉพาะอายุน้อยกว่า 6 เดือน ที่ร่างกายยังอยู่ในช่วงเจริญเติบโต เม็ดสีเมลานินยังพัฒนาไม่เต็มที่ มิหนำซ้ำการทาครีมกันแดดก็ยังไม่ควรทำ จึงจำเป็นต้องเลี่ยงการเจอกับแสงแดดโดยตรง เพราะหากเจอกับแสงแดดและอากาศร้อนเป็นเวลานาน อาจทำให้ลูกผิวหนังไหม้ เกิดรอยเหี่ยวย่น และเสี่ยงเป็นต้อกระจกได้ นอกจากนี้ยังมีโรคเด็กที่มักแฝงตัวมากับอากาศร้อน ๆ แบบนี้อีกด้วย ซึ่งแต่ละโรคจะมีอะไรบ้าง ตาม Cotton Baby มาเลยค่ะ

1. โรคอุจจาระร่วง

ในช่วงอากาศร้อน อาหารมักจะเน่าเสียได้ง่ายกว่าเดิม โรคเด็กที่อาจเกิดตามมานั่นก็คือ ‘โรคอุจจาระร่วง’ สาเหตุมาจากการทานอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียและไวรัส ทำให้มีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ และถ่ายอุจจาระเหลว หากอาการรุนแรงขึ้นจะมีโอกาสเกิดภาวะขาดเกลือแร่ ถึงขั้นช็อกหมดสติจนเสียชีวิตได้ คุณพ่อคุณแม่จึงควรระมัดระวังเรื่องความสะอาด และเน้นเรื่องการล้างมือก่อนทานอาหารเป็นสำคัญ ทานของปรุงสุก เพื่อป้องกันเชื้อโรคที่อาจปนเปื้อนเข้าสู่ร่างกายค่ะ

2. โรคไข้หวัดแดด

โรคเด็กอย่างโรคไข้หวัดแดด (Summer Flu) พบได้บ่อยในเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี เกิดจากการอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน หรือเจอกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ร่างกายปรับสมดุลไม่ทัน อาการของโรคจะคล้ายกับไข้หวัดทั่วไป แต่จะไม่มีน้ำมูกหรือเสมหะ เพราะเป็นโรคที่มาจากความร้อน ไม่ใช่เชื้อไวรัส ซึ่งอาการที่ควรระวังมากที่สุดคือ ตาแห้งและปวดแสบกระบอกตา หากลูกมีอาการเหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วนเลยนะคะ

3. โรคพิษสุนัขบ้า

โรคเด็กนี้เกิดจากการถูกสัตว์ที่มีเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า กัด ข่วน หรือโดนน้ำลายของสัตว์จากการถูกเลีย กระเด็นใส่จนสัมผัสดวงตา จมูก ปาก และรอยแผลที่สามารถเข้าสู่กระแสเลือดได้เลย ซึ่งจะทำให้ลูกน้อยมีอาการเบื่ออาหาร ปวดเมื่อยตามตัว มีไข้ หายใจลำบาก หมดสติ และอาจเสียชีวิตได้ คุณพ่อคุณแม่จึงควรป้องกันตั้งแต่เนิ่น ๆ ด้วยการฉีดวัคซีนให้ลูกและสัตว์เลี้ยง หากลูกน้อยถูกกัดควรรีบล้างแผลด้วยสบู่กับน้ำสะอาด ก่อนจะนำไปพบแพทย์เพื่อสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด

4. โรคผิวหนัง

เมื่อลูกน้อยเสียเหงื่อเป็นปริมาณมากจากอากาศร้อน อาจส่งผลให้เกิดผด หรือตุ่มแดงตามร่างกาย จนกลายเป็นเชื้อราบนผิวหนัง มีอาการคัน และอาจนำไปสู่โรคเด็กทางผิวหนังชนิดอื่นได้ พ่อแม่จึงควรให้ลูกสวมใส่เสื้อผ้าโปร่ง เพื่อลดการอับชื้นในร่มผ้า อาบน้ำให้สะอาดอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งในเวลาเช้า-เย็น และหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานานค่ะ

5. โรคลมแดด

โรคลมแดด หรือฮีทสโตรก (Heat Stroke) โรคหน้าร้อนที่ควรระวังเป็นพิเศษเนื่อจากเกิดขึ้นได้ง่ายเพียงอยู่ในสภาพอากาศร้อนจัดนาน ๆ จนร่างกายมีอุณหภูมิสูงเกิน 40 องศา ซึ่งส่งผลต่อการทำงานของระบบหัวใจ หลอดเลือดและสมอง ทำให้ลูกน้อยมีอาการอ่อนเพลีย กระหายน้ำ ปวดหัว เป็นไข้ ชีพจรเต้นเร็วขึ้น โดยพ่อแม่สามารถดูแลเบื้องต้นได้ ด้วยการพาลูกเข้าที่ร่ม นอนราบยกเท้าสูงเพื่อให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น และใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตามตัวเพื่อลดอุณหภูมิในร่างกาย ก่อนจะรีบพาไปพบแพทย์ทันที เพราะหากปล่อยไว้นานลูกอาจจะหมดสติและเสี่ยงเสียชีวิตได้ โรคลมแดดจึงเป็นโรคเด็กสุดอันตรายที่พ่อแม่ควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษค่ะ

วิธีดูแลลูกน้อยให้ปลอดภัยจากโรคเด็กในหน้าร้อน

  • ลูกพักผ่อนเพียงพอ พ่อแม่ก็พอใจ

การนอนพักผ่อนอย่างเพียงพอเป็นสุขภาวะพื้นฐานที่ส่งผลต่อสุขภาพโดยตรง ยิ่งเด็กเล็กก็ยิ่งช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายและการพัฒนาสมองในส่วนความจำ ซึ่งแต่ละช่วงวัยจะมีชั่วโมงการนอนที่เหมาะสมต่างกัน โดยเบื้องต้นควรนอนให้ได้อย่างน้อยวันละ 8-10 ชั่วโมง หากพักผ่อนไม่เพียงพอจะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันไม่มีประสิทธิภาพ ป่วยง่าย ร่างกายติดเชื้อก็ง่ายขึ้น สมองทำงานช้าลง และยังส่งผลต่อพัฒนาการเรียนรู้ของลูกน้อยอีกด้วยค่ะ

  • หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นเวลานาน

การป้องกันโรคเด็กหน้าร้อนที่ดีที่สุดก็คือหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้ง แต่ถ้ามีความจำเป็นต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือโดนแสงแดดเป็นเวลานาน แนะนำให้ดื่มน้ำเป็นระยะเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ เลือกทำกิจกรรมในร่มหรืออากาศถ่ายเท และที่สำคัญควรเลี่ยงทำกิจกรรมในช่วง 10.00-16.00 น. เนื่องจากเป็นเวลาที่รังสียูวีมีความเข้มข้นที่สุด ทำให้อากาศร้อนจัด เสี่ยงต่อการเป็นไข้หวัดแดดและลมแดดได้ง่าย

  • ปรับอุณหภูมิภายในห้องให้เหมาะสม

ฤดูร้อนกับเครื่องปรับอากาศแทบจะเป็นของที่แยกจากกันไม่ได้ แถมอากาศร้อนจนเหงื่อไหลไคลย้อยขนาดนี้ อยากจะเร่งแอร์ให้เหลือสัก 18 องศาไปเลย! แต่ช้าก่อน… สำหรับเด็ก ๆ แล้ว หากอากาศเย็นเกินไปจะทำให้ป่วยง่าย อุณหภูมิในร่างกายแปรปรวน จนกลายเป็นไข้หวัดแทนได้ ซึ่งอุณหภูมิที่เหมาะสมคือ 25-27 องศา เพื่อไม่ให้ภายในห้องร้อนหรือเย็นจนเกินไป รับรองว่าลูกน้อยหลับสบาย ไม่งอแงแน่นอนค่ะ

  • เลือกเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี

เสื้อผ้าที่สวมใส่ให้กับเด็ก ๆ ในช่วงหน้าร้อน แนะนำให้เป็นเนื้อผ้าที่มีความโปร่ง ใส่สบาย ช่วยลดการอับชื้นและการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้นเวลาเหงื่อออก เช่น ผ้าฝ้ายหรือผ้าคอตตอนที่มีคุณสมบัติเบาสบาย ระบายอากาศได้ดี เพื่อให้ลูก เคลื่อนไหวได้ง่าย ไม่รู้สึกระคายเคือง และช่วยป้องกันการเกิดผื่นคัน

  • ใส่ใจเรื่องสุขอนามัยเสมอ

ยิ่งอากาศร้อนก็ยิ่งเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค หากละเลยเรื่องสุขอนามัยรับรองว่าโรคเด็กได้มาหาแน่นอน คุณพ่อคุณแม่จึงจำเป็นต้องระมัดระวังและดูแลเรื่องความสะอาดเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการล้างมือก่อนทานอาหารทุกครั้ง เลือกทานอาหารปรุงสุก ทำความสะอาดบ้านด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ และที่สำคัญคือ การปลูกฝังให้ลูกรู้ถึงความสำคัญของรักษาสุขอนามัย เพราะเด็ก ๆ มักใช้มือหยิบจับสิ่งของอยู่เป็นประจำ บางครั้งก็เอาของเล่นเข้าปากอีกด้วย การล้างมือให้สะอาดจะช่วยป้องกันโรคเด็ก และเป็นการเสริมสร้างวินัยที่ดีให้กับลูกน้อยค่ะ

นอกจากจะต้องระวังเรื่องโรคเด็กหน้าร้อนแล้ว แต่รู้ไหมคะว่า…แสงแดดเป็นแหล่งวิตามินดีที่สำคัญต่อร่างกายมนุษย์ ซึ่งมีผลต่อการเจริญเติบโตของลูกน้อย โดยทางการแพทย์แนะนำว่า ควรให้ลูกเจอแสงแดดประมาณ 10-20 นาทีต่อวัน ระยะเวลาที่ดีที่สุดคือช่วงเช้าเวลา 7.00-9.00 น. และช่วงเย็นหลังจากเวลา 16.00 น. เป็นต้นไป เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย และควบคุมการผลิตเมลาโทนิน ทำให้มีพลังงานไม่ง่วงซึมระหว่างวัน ส่วนทารกที่อายุน้อยกว่า 6 เดือน ห้ามโดนแสงแดดโดยตรง

แม้ว่าโรคเด็กส่วนใหญ่จะมีที่มาจากอากาศร้อน แต่แสงแดดและการทำกิจกรรมกลางแจ้งก็ยังเป็นสิ่งจำเป็นในการพัฒนาร่างกายของลูกน้อยให้เติบโตสมวัย เมื่อพ่อแม่รู้วิธีรับมือกับโรคเด็กจาก Cotton Baby แล้ว การจะอยู่ร่วมกับแสงแดดให้ปลอดภัยก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

SHARE

RELATED POSTS

ชวนพ่อแม่ดูแลโภชนาการเด็กให้ดีสมวัย เลี่ยงภัยอ้วน-เบาหวาน | Advertorial…
รู้ไหม? คนท้องใช้ครีมอะไรได้บ้างให้ปลอดภัยต่อลูกน้อย พร้อมบำรุงผิว ปัญหาผิวแพ้ง่ายในช่วงตั้งครรภ์เป็นเรื่องกวนใจที่คุณแม่ต้องเจอ…
สังเกตให้ทันก่อนสาย ลูกน้อยเข้าข่ายเป็นโรคตาขี้เกียจหรือเปล่า คุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจเคยได้ยินถึง ‘โรคตาขี้เกียจ’…