Search
Close this search box.

5 เคล็ดลับช่วยดูแล ฟื้นฟู “ผมร่วงหลังคลอด” ให้กลับมาเป็นปกติ

ผมร่วงหลังคลอด

5 เคล็ดลับช่วยดูแล ฟื้นฟู “ผมร่วงหลังคลอด” ให้กลับมาเป็นปกติ ผมร่วงหลังคลอดเป็นอาการปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้กับคุณแม่ลูกอ่อน เนื่องจากตอนตั้งครรภ์ร่างกายจะสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนมากขึ้น ซึ่งมีส่วนทำให้ผมดกดำ สุขภาพดี สำหรับคุณแม่บางคนก็อาจมีหนวดขึ้นบาง ๆ และมีขนบริเวณแขน ขา ขึ้นเยอะกว่าปกติ แต่เมื่อคลอดแล้วฮอร์โมนตัวนี้ก็จะตกลง ทำให้เกิดอาการผมร่วงหลังคลอด เพราะแบบนี้เองปัญหาผมร่วงหลังคลอดจึงเป็นอาการปกติ ไม่สามารถห้ามได้ แต่สิ่งสำคัญก็คือ เราจะดูแลยังไงให้ผมร่วงน้อยที่สุด และทำให้ผมที่ร่วงไปเกิดขึ้นใหม่ในปริมาณเท่าเดิมอีกครั้ง ทาง Cotton Baby มีวิธีดูแล ฟื้นฟู อาการผมร่วงหลังคลอดมาฝากเหล่าคุณแม่กันค่ะ ลดอาการผมร่วงหลังคลอดด้วยการตัดผมสั้น การตัดผมสั้นจะช่วยลดอาการผมร่วงหลังคลอดได้มาก เพราะดูแลง่าย ต้องการสารอาหารน้อยกว่าผมยาว และยังช่วยให้ผมร่วงน้อยลงจากการดึง รั้ง ของโคนผมที่อ่อนแออยู่แล้ว หากไว้ผมยาวจะสังเกตได้เลยว่าแค่จับ สาง หรือหวีผม ก็อาจร่วงติดมือมาได้ง่าย ๆ เลย การตัดผมสั้นจะช่วยลดปัญหาให้คุณแม่ลูกอ่อนไปได้หลายอย่างเลยล่ะค่ะ ทั้งสบายหัว สะดวกต่อการใช้ชีวิต และยังช่วยเรื่องโคนผมอีกด้วย งดใช้สารเคมีและความร้อน ช่วยเรื่องผมร่วงหลังคลอด เชื่อเลยนะคะว่าคุณแม่หลังคลอดจะอยากลุกขึ้นมาทำสวย ไม่ว่าจะเป็นดัดผม ยืดผม ทำสีผมต่าง ๆ ซึ่งการที่หนังศีรษะและเส้นผมโดนความร้อนหรือสารเคมี จะยิ่งทำให้ผมร่วงหลังคลอดร่วงหนักขึ้นไปอีก ควรงดก่อน อย่าเพิ่งทำ […]

ทำไมกอดลูก แล้วไม่มีความสุขเลย ? มารู้จักอาการ Mama Blue กันเถอะ

Mama Blue

ทำไมกอดลูก แล้วไม่มีความสุขเลย ? มารู้จักอาการ Mama Blue กันเถอะ คุณแม่ลูกอ่อนอาจกำลังวาดฝันภาพครอบครัวสุดอบอุ่นอยู่ใช่ไหมล่ะ ? แต่ในความจริงคงไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป เพราะอาการ ‘Mama Blue’ หรือ ภาวะอารมณ์เศร้าหลังคลอด ช่วงเวลาที่กอดลูกแล้วควรจะมีความสุข แต่กลับกลายเป็นความเศร้า ความกังวล รวมไปถึงความเครียด หากคุณแม่กำลังเผชิญกับความรู้สึกแบบนี้อยู่ นี่แหละค่ะอาการของ Mama Blue ที่สามารถเกิดขึ้นได้กับคุณแม่ที่เพิ่งคลอดเป็นเรื่องปกติ เพราะฉะนั้นเราจึงต้องรู้จักกับเจ้าอาการนี้ พร้อมเตรียมตัวรับมือและผ่านมันไปให้ได้กันค่ะ อาการ Mama Blue คืออะไร ? หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำเหล่าว่า ‘Mama Blue’ ‘Baby Blue’ ‘Postpartum Blue’ หรือในชื่อภาษาไทยว่า ‘ภาวะอารมณ์เศร้าหลังคลอด’ ซึ่งทั้งหมดนี้มีความหมายเดียวกัน คือ ความรู้สึกเศร้าที่เกิดขึ้นกับคุณแม่หลังคลอด แทนที่จะมีความสุขและตื่นเต้นไปกับการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่นี้ จากผลสำรวจทั่วไป พบว่าอาการ Mama Blue จะเกิดขึ้นกับคุณแม่แรกคลอดมากถึง 4 ใน 5 (หรือ 80% จากทั้งหมด) […]

กันไว้ดีกว่าแก้ กับท่าออกกำลังกายป้องกันอาการมดลูกต่ำ

มดลูกต่ำ

กันไว้ดีกว่าแก้ กับท่าออกกำลังกายป้องกันอาการมดลูกต่ำ หลังจากคลอดลูก คุณแม่หลายคนมักจะเจอปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพต่าง ๆ แต่เรื่องที่มักจะพบเจอบ่อยคือเรื่องของปัญหามดลูกต่ำ วันนี้ Cotton Baby ขอนำเสนอท่าออกกำลังกายที่จะช่วยให้ป้องกันอาการมดลูกต่ำ และยังช่วยให้คุณแม่กลับมามีร่างกายที่กระชับเหมือนเดิมอีกด้วยค่ะ มดลูกต่ำคืออะไร มดลูกต่ำ เป็นหนึ่งในอาการของโรคมดลูกเคลื่อน เกิดจากมดลูกเคลื่อนตัวต่ำลงมาจนถึงปากมดลูก (บางกรณีสามารถออกมาบริเวณช่องคลอดได้) อาการมดลูกต่ำ จะทำให้คุณต้องเข้าห้องน้ำบ่อย ๆ เนื่องจากมดลูกที่อยู่เหนือกระเพราะปัสสาวะ เมื่อเกิดอาการมดลูกต่ำ จะไปกดทับกระเพาะปัสสาวะ จะทำให้ปัสสาวะเล็ดได้ ในเวลาที่หัวเราะ ไอ จาม หรือส่งผลให้ปวดหลัง และประจำเดือนมาผิดปกติได้เช่นกันค่ะ สาเหตุของมดลูกต่ำ หลายคนมองว่าอาการมดลูกต่ำ เป็นสาเหตุมาจากการคลอดลูกเพียงอย่างเดียว ถ้าตนเองยังไม่มีลูกหรืออายุยังน้อย จะไม่มีโอกาสเกิดภาวะนี้ ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดนะคะ อาการมดลูกต่ำสามารถเกิดได้อันเนื่องมาจากหลายสาเหตุดังนี้ค่ะ หลังจากคลอดลูกน้อย แล้วมดลูกไม่เข้าอู่ เนื่องจากกระบังลมหย่อนลงมาดันมดลูก การท้องผูกเป็นประจำ ทำให้แรงดันมดลูกเลื่อนลงต่ำ อุบัติเหตุเกี่ยวกับการกระแทกบริเวณก้น น้ำหนักเกิน ท่าออกกำลังกายป้องกันมดลูกต่ำ การออกกำลังกายป้องกันมดลูกต่ำ มักจะต้องเป็นท่าออกกำลังเน้นบริเวณกระดูกอุ้งเชิงกราน เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับบริเวณนี้ค่ะ การขมิบ การขมิบ คือการเกร็งกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน การบริหารอวัยวะนี้อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้กล้ามเนื้อเชิงอุ้งกรานแข็งแรง และห่างไกลจากอาการมดลูกต่ำค่ะ ขั้นตอนการฝึกกล้ามเนื้อ ทำท่าสบาย ๆ […]

ไขสารพันความข้องใจเกี่ยวกับ น้ำคาวปลา ที่คุณแม่มือใหม่ควรรู้

น้ำคาวปลา

ไขสารพันความข้องใจเกี่ยวกับ น้ำคาวปลา ที่คุณแม่มือใหม่ควรรู้ คุณแม่มือใหม่ที่ตั้งครรภ์และคลอดเป็นครั้งแรกในชีวิต ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยค่ะที่เราจะมีความกังวล หรือพบว่ามีเรื่องอีกมากที่เรายังไม่รู้ รวมถึง “น้ำคาวปลา” ซึ่งเป็นหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงหลังคลอดที่คุณแม่ทุกคนต้องเจอ วันนี้ Cotton Baby จะพาไปทำความรู้จัก พร้อมไขข้อสงสัยต่าง ๆ นา ๆ เกี่ยวกับน้ำคาวปลากันค่ะ น้ำคาวปลา คืออะไร? น้ำคาวปลา คือ ของเหลวที่ถูกขับออกมาจากทางช่องคลอด หลังจากที่คุณแม่คลอดลูกแล้ว โดยในช่วง 2 -3 วันหลังคลอด เยื่อบุโพรงมดลูกที่เกาะตัวหนาขึ้นในขณะตั้งครรภ์จะเริ่มแยกออกเป็น 2 ชั้น ซึ่งชั้นบนจะหลุดออกมาเป็น “น้ำคาวปลา” ส่วนชั้นล่างจะยังยึดติดกับชั้นกล้ามเนื้อมดลูก เพื่อที่จะสร้างเยื่อบุโพรงมดลูกชั้นใหม่ สำหรับการมีรอบประจำเดือนต่อไป ลักษณะของน้ำคาวปลาเป็นแบบไหน? น้ำคาวปลามีลักษณะโดยรวมคล้ายกับประจำเดือน อาจมีกลิ่นเหม็นอับ น้ำคาวปลา ประกอบด้วย เลือด น้ำเหลือง น้ำคร่ำหรือขี้เถ้า น้ำหล่อลื่น เศษเนื้อเยื่อหรือเยื่อบุโพรงมดลูก เศษรก เศษไขที่ติดตามเนื้อตัวของลูก เม็ดเลือดขาว และไขมันที่ยังหลงเหลืออยู่ภายในตัวของคุณแม่ ลักษณะและสีของน้ำคาวปลา อาจแตกต่างกันไปตามระยะของช่วงวันหลังคลอด ชวนสังเกตน้ำคาวปลาแบบไหนผิดปกติ มีกลิ่นเหม็นเน่า ปวดมดลูกมาก […]

พ่อแม่มือใหม่ต้องรู้ “การแจ้งเกิดลูก” ต้องทำอะไรบ้าง

การแจ้งเกิดลูก

พ่อแม่มือใหม่ต้องรู้ “การแจ้งเกิดลูก” ต้องทำอะไรบ้าง หลังจากคลอดลูกแล้ว สิ่งสำคัญต่อไปที่คุณพ่อคุณแม่จะต้องทำก็คือ การแจ้งเกิดลูก แม้ว่าปัจจุบันนี้หลายโรงพยาบาลจะมีบริการแจ้งเกิดให้ก็ตาม แต่บางครั้งเราอาจไม่สะดวก หรืออาจไม่ได้คลอดที่โรงพยาบาล เราจึงต้องดำเนินการแจ้งเกิดลูกด้วยตัวเองค่ะ วันนี้ Cotton Baby จึงได้รวบรวมข้อมูลมาบอกว่าจะต้องเตรียมเอกสารในแต่ละกรณีอย่างไรบ้าง พร้อมแล้วไปดูกันเลยค่ะ 1. แจ้งเกิดลูก กรณีเกิดที่โรงพยาบาล สถานพยาบาล หรือสถานีอนามัย พ่อแม่ต้องทำเรื่องแจ้งเกิดให้เบบี๋ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ลูกเกิด โดยใช้เอกสารดังนี้ เอกสารที่ต้องใช้ในการแจ้งเกิดลูก หนังสือรับรองการเกิด (ท.ร.๑/๑) ที่ออกโดยสถานพยาบาล บัตรประจำตัวประชาชนของคุณพ่อและคุณแม่ บัตรประจำตัวประชาชนของผู้ที่มาแจ้งเกิด หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจมาดำเนินเรื่องแทน สำเนาทะเบียนบ้าน เพื่อเพิ่มชื่อของลูกเข้าไป สถานที่แจ้งเกิดลูก ถ้าสถานที่ที่เด็กเกิดตั้งอยู่ในเขตเทศบาล สามารถแจ้งเกิดได้ที่สำนักงานเขตในพื้นที่ที่เด็กเกิด ถ้าสถานที่ที่เด็กเกิดตั้งอยู่นอกเขต สามารถแจ้งเกิดได้ที่สำนักทะเบียน ที่ว่าการอำเภอ ที่ตั้งอยู่ในเขตท้องที่นั้น 2. แจ้งเกิดลูก กรณีเกิดที่บ้าน หากลูกของเราเกิดที่บ้าน ต้องแจ้งเกิดภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ลูกเกิด โดยใช้เอกสาร ดังนี้ เอกสารที่ต้องใช้ในการแจ้งเกิดลูก ใบรับแจ้งการเกิด (ท.ร ๑ […]

แม่ท้องต้องรู้ NIFTY TEST การตรวจหาความผิดปกติของเบบี๋ในครรภ์

NIFTY TEST

แม่ท้องต้องรู้ NIFTY TEST การตรวจหาความผิดปกติของเบบี๋ในครรภ์ คุณแม่ตั้งครรภ์ที่อายุ 35 ปี ขึ้นไป มักมีโอกาสเสี่ยงต่อความผิดปกติของลูกในครรภ์มากขึ้น การตรวจ NIFTY TEST จึงเป็นวิธีตรวจกรองเพื่อหาความผิดปกติของโครโมโซมทารกในครรภ์ของคุณแม่ที่ได้รับความนิยมและได้ประสิทธิภาพสูงสุดในปัจจุบัน Cotton Baby จะพามาทำความรู้จักการตรวจ NIFTY TEST กันว่าคืออะไร แล้วคุณแม่ตั้งครรภ์ทุกคนจำเป็นต้องตรวจ NIFTY TEST หรือไม่ ไปดูกันเลยค่ะ รู้จัก NIFTY TEST คืออะไร? NIFTY TEST (NIFTY: Non-Invasive Fetal Trisomy test) การตรวจนิฟตี้ คือ วิธีการตรวจเพื่อค้นหาลักษณะความผิดปกติของโครโมโซมทารกในครรภ์ของคุณแม่ โดยไม่ต้องเจาะน้ำคร่ำ ซึ่งการเจาะน้ำคร่ำเป็นวิธีเดิมในสมัยก่อนที่ใช้ตรวจก่อนจะเป็น NIFTY TEST ค่ะ การตรวจ NIFTY TEST เป็นการเจาะเลือดของคุณแม่เพียง 10 มิลลิลิตร ในอายุครรภ์ตั้งแต่ 10 – 24 สัปดาห์ มาประเมินโอกาสเสี่ยงที่ทารกในครรภ์จะมีโครโมโซมผิดปกติ […]

จริงหรือไม่? ไขข้อสงสัยที่โบราณว่าไว้ ลูกติดมือเพราะอุ้มบ่อย

อุ้มบ่อย ลูกติดมือ

จริงหรือไม่? ไขข้อสงสัยที่โบราณว่าไว้ ลูกติดมือเพราะอุ้มบ่อย หลากหลายคำพูดของผู้ใหญ่ในครอบครัวที่ชอบเตือนว่า “อุ้มลูกบ่อย ๆ เดี๋ยวลูกติดมือเอาหรอก” หรือ “อุ้มบ่อย เด็กจะติดมือ ชอบร้องให้อุ้ม” คุณแม่มือใหม่ได้ยินแบบนี้คงเป็นกังวล ถ้าปล่อยลูกร้องงอแงไว้จะดีกว่าจริงหรือ? วันนี้ Cotton Baby มีคำตอบมาให้แล้วค่ะ ไปดูพร้อมกันเลย จริงหรือไม่? อุ้มบ่อยทำให้ลูกติดมือ คำตอบคือไม่จริงค่ะ จากผลวิจัยบอกว่าการอุ้มลูกช่วง 6 เดือนแรก เป็นการปลอบโยน มอบความรักและความอบอุ่นให้ลูกรู้สึกว่ามีคนคอยดูแลอยู่เคียงข้างเสมอ โดยเฉพาะช่วง 3 เดือนแรก การอุ้มลูกบ่อย ๆ เป็นการสร้างความผูกพันระหว่างคุณแม่กับลูกด้วย เวลาที่เข้าไปอุ้มตอนลูกร้องไห้จะช่วยในเรื่องการพัฒนาด้านอารมณ์ เป็นเด็กเลี้ยงง่าย เมื่อโตขึ้นการร้องไห้ก็จะค่อย ๆ ลดลง และไม่ทำให้ลูกร้องไห้เพื่อเรียกร้องความสนใจด้วยนะคะ ซึ่งการร้องไห้ของทารกในช่วง 6 เดือนแรก เป็นวิธีเดียวที่จะสื่อสารกับพ่อแม่ได้ว่าต้องการอะไร หากเราปล่อยให้ลูกร้องไห้นานเกินไป อาจส่งผลต่อภาวะมั่นคงทางอารมณ์ได้ ทารกแรกเกิดจึงควรได้รับความอบอุ่นจากอ้อมกอดของพ่อแม่ ลูกติดมือ อุ้มจนหลับ แต่พอวางก็ร้องอีก ทำอย่างไรดี? สำหรับในกรณีที่คุณแม่อุ้มลูกจนหลับคามือ พอเราวางเขาลงปุ๊บ ลูกก็ร้องขึ้นมาทันที หากครอบครัวที่มีคนช่วยเลี้ยง อาจให้สลับกันอุ้มได้ แต่ถ้าไม่มีคนคอยช่วยเลี้ยง […]

เคล็ดลับช่วยลดเท้าบวมหลังคลอด ฟื้นฟูร่างกายคุณแม่ให้เป็นปกติ

เท้าบวมหลังคลอด

เคล็ดลับช่วยลดเท้าบวมหลังคลอด ฟื้นฟูร่างกายคุณแม่ให้เป็นปกติ อาการเท้าบวมหลังคลอดของคุณแม่นั้นเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะกับคุณแม่ท้องแรก ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดทั้งระหว่างตั้งครรภ์ และหลังคลอด สำหรับคุณแม่บางคนก็อาจเท้าบวมมากขึ้นเมื่อท้องเข้าสู่ไตรมาสที่ 3 ติดต่อกันมาจนหลังคลอดก็ยังไม่หาย เรามาดูเคล็ดลับที่จะช่วยลดอาการเท้าบวมหลังคลอดนี้กันดีกว่า ว่าสามารถทำอย่างไรให้หายไวขึ้นได้บ้าง เท้าบวมหลังคลอด เกิดจากสาเหตุอะไร? เพราะช่วงหลังคลอดร่างกายของคุณแม่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงเรื่องปริมาณของเหลวและเลือด ทำให้เกิดอาการเท้าบวมหลังคลอดขึ้นได้ ยิ่งในเคสที่ทำการผ่าคลอดจะเกิดเอฟเฟ็กต์ทำให้มีของเหลวมาขังระหว่างเซลล์ แต่ร่างกายจะค่อย ๆ ขับออกมาเอง บวกกับมดลูกที่อยู่ต่ำจนไปกดทับหลอดเลือดทำให้การไหลเวียนไม่สะดวก จึงทำให้เท้าคุณแม่เกิดบวมนั่นเองค่ะ เท้าบวมหลังคลอด จะหายดีได้เมื่อไหร่? อาการเท้าบวมหลังคลอดของคุณแม่จะดีขึ้นได้เองภายใน 1 – 2 สัปดาห์ พร้อมกับมดลูกที่เข้าอู่ รวมถึงอาการของภาวะหลังคลอดทั้งหมดจะเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 6 สัปดาห์ หากอาการยังไม่หายภายในระยะเวลานี้ คุณแม่ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาความผิดปกตินะคะ แม้ว่าอาการเท้าบวมหลังคลอดจะดีขึ้นได้เองก็ตาม แต่ถ้าเรารู้เคล็ดลับทั้ง 3 ข้อนี้ จะช่วยลดอาการเท้าบวมหลังคลอดให้หายไวขึ้นได้ คุณแม่จะได้คลายกังวล แถมยังได้ฟื้นฟูร่างกายให้กลับมามีพลังเหมือนเดิมอีกด้วยค่ะ 3 เคล็ดลับช่วยลดอาการเท้าบวมหลังคลอดให้หายไวขึ้น 1. ลดเท้าบวมหลังคลอดต้องดื่มน้ำอย่างน้อย 10 แก้ว/วัน คุณแม่ควรดื่มน้ำให้มาก ๆ เพราะจะช่วยขับน้ำที่อยู่ภายในร่างกายออกทางปัสสาวะ แนะนำให้ดื่มอย่างน้อย 10 แก้ว หรือ 2.3 […]

คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องรู้ 5 ข้อห้ามทำ เมื่อมีอาการท้องแข็ง

ท้องแข็ง

คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องรู้ 5 ข้อห้ามทำ เมื่อมีอาการท้องแข็ง หากคุณแม่ไม่ได้กำลังดูรายการคอมเมดี้อยู่แล้วมีอาการท้องแข็งก็คงไม่ได้เกิดจากการหัวเราะอย่างแน่นอนค่ะ แต่อาการท้องแข็งที่คุณแม่หลายคนกำลังเจออยู่นั้นสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุมาก ๆ วันนี้ทาง Cotton Baby เลยได้รวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ พร้อม Do & Don’t ของอาการท้องแข็งว่าควรทำและห้ามทำอะไรมาฝากกันค่ะ ‘ท้องแข็ง’ เกิดจากอะไรได้บ้าง ? อาการท้องแข็ง คือ อาการของคุณแม่ตั้งครรภ์ที่มีความรู้สึกว่ามีก้อน ตึง ๆ ที่ท้อง จะแข็งมาก-น้อย แตกต่างกันออกไป (แล้วแต่คน) ซึ่งโดยทั่วไปแล้วอาการท้องแข็งจะพบได้กับคุณแม่ตั้งครรภ์ในช่วงไตรมาสที่ 3 หรือช่วงใกล้คลอดนั่นเอง อาจมีอาการท้องแข็งได้วันละ 3 – 4 ครั้ง แต่จะไม่สม่ำเสมอนะคะ เป็นเพราะอะไรนั้นเรามีคำตอบมาให้แล้วค่ะ สาเหตุที่คุณแม่มีอาการท้องแข็ง 1. ท้องแข็งจากการบีบตัวของมดลูก ลักษณะอาการท้องแข็งแบบนี้ ท้องของคุณแม่จะต้องแข็งโป๊กทั้งหมด จะไม่แข็งเป็นบางบริเวณ มีอาการปวดท้องคล้ายปวดประจำเดือนร่วมด้วย และอาการท้องแข็งจากสาเหตุของมดลูกบีบตัวก็สามารถแบ่งออกได้ 2 แบบ คือ ท้องแข็งของแท้ (มดลูกบีบตัวก่อนกำหนด) มักพบในช่วงอายุครรภ์ 32 สัปดาห์ ถือเป็นช่วงที่ลูกจะดิ้นมากที่สุด […]

คุณแม่ต้องรู้ ‘วิธีการนับอายุครรภ์’ เตรียมพร้อมก่อนตั้งครรภ์

การนับอายุครรภ์

คุณแม่ต้องรู้ ‘วิธีการนับอายุครรภ์’ เตรียมพร้อมก่อนตั้งครรภ์ การนับอายุครรภ์ เป็นเรื่องที่คุณแม่จำเป็นต้องรู้ เพราะนอกจากจะช่วยให้ง่ายต่อการดูแลสุขภาพครรภ์ และรู้ถึงความสมบูรณ์ของพัฒนาการลูกน้อยในแต่ละช่วงอายุครรภ์ได้แล้ว ยังทำให้แพทย์สามารถวางแผนการตรวจครรภ์ และกำหนดวันคลอดคร่าว ๆ ได้อีกด้วย ที่สำคัญไปกว่านั้น หากคุณแม่เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ส่งผลต่อลูกน้อยก็จะช่วยให้หาทางป้องกันได้อย่างถูกต้อง ทันเวลา ตลอดระยะการตั้งครรภ์อีกด้วยนะคะ รู้ถึงความสำคัญของการนับอายุครรภ์กันไปแล้ว ทาง Cotton Baby ก็จะมาไขข้อข้องใจให้คุณแม่กันค่ะว่า วิธีการนับอายุครรภ์ต้องนับอย่างไร รับรองว่านับไม่ยากแน่นอนค่ะ ไขข้อข้องใจกับวิธีการนับอายุครรภ์ วิธีการนับอายุครรภ์ จะนับเป็นสัปดาห์ เพราะการนับแบบเป็นเดือนไม่ละเอียดมากพอ ซึ่งในแต่ละเดือนก็มีจำนวนวันไม่เท่ากัน ทำให้การนับเป็นสัปดาห์แม่นยำมากกว่า ส่วนเศษของสัปดาห์นั้นจะนับเป็นวัน เช่น 4 สัปดาห์ 2 วัน โดยเริ่มนับจากวันแรกของการเป็นประจำเดือนครั้งล่าสุด เช่น ประจำเดือนครั้งล่าสุดมาวันที่ 5 พฤศจิกายน 2563 และประจำเดือนหมดวันที่ 10 พฤศจิกายน 2563 หลังจากนั้นประจำเดือนก็ไม่มา เพราะตรวจพบว่าตั้งครรภ์ ดังนั้น การนับอายุครรภ์ก็จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 5 พฤศจิกายน 2563 นั่นเอง แต่ในกรณีของคุณแม่คนไหนที่ประจำเดือนมาไม่ปกติหรือจำไม่ได้ว่าประจำเดือนวันแรกของครั้งล่าสุดนั้นเป็นวันไหน ทางแพทย์ก็จะใช้วิธีการนับอายุครรภ์ด้วยการตรวจ Ultrasound […]