Search
Close this search box.
ภาษากายทารก

ถอดรหัสลับ ‘ภาษากายทารก’

ท่าทางแบบนี้หมายความว่าอะไร?

การสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญทั้งสำหรับทารกและตัวคุณพ่อคุณแม่เอง เพราะช่วยบอกได้ว่าลูกมีความต้องการอะไรหรือเจ็บป่วยตรงไหน เด็กวัยที่ยังไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ จึงมักใช้การสื่อสารด้วยภาษากาย (Body Language) เพื่อส่งสัญญาณบางอย่าง 

ซึ่งบางทีพ่อแม่อาจไม่เข้าใจว่าท่าทางต่างๆ หมายถึงอะไร เพราะหลายท่าที่คล้ายกันอาจสื่อความหมายต่างกันได้ การอ่านภาษากายของเด็กทารกจึงเป็นสิ่งสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ควรทำความเข้าใจ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับพัฒนาการของลูกน้อยให้เหมาะสม

นอกจากการดูภาษากายของลูกแล้ว เราอยากให้คุณพ่อคุณแม่ฝึกกระตุ้นประสาทสัมผัสให้ลูกไปพร้อมกันด้วย ถ้าอยากรู้ว่าทำอย่างไร แวะเข้าไปอ่านบทความนี้เลย 5 วิธีกระตุ้นประสาทสัมผัสที่ช่วยพัฒนาสมองในเด็กแรกเกิด

8 ท่าทาง ภาษากายที่ลูกน้อยอยากบอก

ทารก

เตะขา

การเตะขาเป็นได้หลายความหมาย ถ้าเตะขาและยิ้มไปด้วยแปลว่ามีความสุข ตื่นเต้น อยากให้พ่อแม่เล่นด้วย แต่ถ้าเตะด้วยอาการหงุดหงิดและร้องไห้ อาจแปลได้ว่ามีอะไรกวนใจลูกน้อยอยู่ อย่างผ้าอ้อมแฉะจนไม่สบายตัว หรือมีอาการท้องอืด ถ้าตรวจเช็กแล้วว่ามีอาการที่ว่ามานี้ ก็ควรรีบจัดการให้ลูกน้อยสบายตัวขึ้น

จับหู จับตา

เมื่อไรที่ลูกเริ่มจับหู จับตา เป็นไปได้ว่าเขากำลังสำรวจร่างกายตัวเองว่ามีอวัยวะใดบ้าง แต่ถ้าจับแล้วมีอาการงอแงร่วมด้วย มักบ่งบอกได้ว่ากำลังเหนื่อยและง่วงนอนเต็มที หลายครั้งท่าทางจับตาและหูพร้อมขยี้บ่อยๆ ก็เป็นตัวช่วยระบายความหงุดหงิดของลูกน้อยในช่วงที่ฟันเริ่มขึ้นได้ เรียกอาการแบบนี้ว่า ‘คันเหงือก’ พ่อแม่ควรหาอะไรให้ลูกกัดเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากอาการคัน อย่างไรก็ตามถ้าอาการจับเหล่านี้มาพร้อมอาการตัวร้อนและง่วงซึม อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงความเจ็บป่วย พ่อแม่ควรรีบเช็กว่าเจ้าตัวเล็กมีไข้ร่วมด้วยหรือเปล่า ถ้าใช่ควรรีบพาไปพบแพทย์หรือให้ทานยาประจำตัวแล้วรอดูอาการ

ทารก

กำมือ

การกำมือเป็นท่าทางปกติของทารกเวลานอนหลับ เนื่องจากพัฒนาการทางระบบประสาทยังไม่มากพอที่จะขยับนิ้วมือ แต่ถ้าลักษณะการกำมือนั้นแน่นมากกว่าปกติ อาจหมายถึงทารกมีความเครียดหรือหิว ซึ่งถ้าหิวจัดจะมีอาการเกร็งตัวร่วมด้วย สิ่งที่พ่อแม่ควรจะทำอย่างแรกคือทำให้ลูกน้อยเกิดความผ่อนคลายและคลายกำปั้นออกก่อน โดยอาจจะจับอุ้มหรือขยับท่านอนให้อยู่ในท่าที่สบายขึ้น แล้วจึงเขาทานนมเป็นลำดับต่อไป

แอ่นหลัง

การแอ่นหลังแสดงออกถึงความเจ็บปวด ซึ่งอาจเกิดจากการนอนไม่สบายตัว สิ่งที่ควรทำคือตรวจดูว่าลูกมีอาการเจ็บป่วยตรงไหน และจัดท่านอนให้เหมาะ แต่ถ้าลูกแอ่นหลังในระหว่างที่กำลังกินและบ้วนอาหารออกมา พ่อแม่สามารถเดาได้เบื้องต้นว่าลูกเริ่มอิ่มแล้ว ควรหยุดป้อนอาหาร อย่าบังคับหรือหลอกล่อให้ลูกกินต่อ เพราะอาจทำให้เกิด ‘ภาวะไหลย้อนในเด็ก’ ได้ นอกจากนี้ท่าทางแอ่นหลังยังมักเกิดในช่วงที่เด็กอายุ 4-5 เดือน เพราะเป็นช่วงที่เขาพยายามพลิกตัวเป็นครั้งแรกนั่นเอง

ทารก

เอาหัวโขกพื้น

การที่เด็กเอาหัวไปโขกกับพื้นหรือที่กั้นรอบเตียงนั้นเป็นเรื่องที่อาจเกิดขึ้นได้ เพราะการเอาหัวโขกเป็นจังหวะ คือท่าทางการเคลื่อนไหวที่ทำให้เด็กเกิดความผ่อนคลาย แต่พ่อแม่ห้ามละเลย ต้องหมั่นสังเกตอยู่เสมอว่าลูกเอาหัวโขกสิ่งรอบข้างเป็นเวลานานหรือทำบ่อยจนเกินไปหรือเปล่า ถ้ารุนแรงถึงขั้นเกิดรอยแดงหรือหัวโน ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ขยับปาก

ทารกจะขยับปากเลียนแบบท่าทางการดูดนม เพื่อเป็นการส่งสัญญาณบ่งบอกว่า ‘หนูหิวแล้ว’ ท่าทางนี้จะแสดงออกตั้งแต่ลูกน้อยอายุได้ 3 สัปดาห์ขึ้นไป เมื่อเห็นอาการคุณแม่ควรจับลูกเข้าเต้าทันที ไม่ควรปล่อยให้ลูกหิวจนตัวเกร็งเพราะอาจส่งผลต่อพัฒนาการและอารมณ์ลูกได้ นอกจากนี้ในเด็กบางคนที่ทานได้น้อยจนเสี่ยงภาวะขาดสารอาหาร คุณแม่สามารถใช้เทคนิคเอาหัวนมถูที่ข้างแก้มลูก เพื่อกระตุ้นให้ลูกอยากนมมากขึ้นได้

ทารก

เบือนหน้าหนี

การเบือนหน้าหนีนั้นแปลได้หลายความหมาย ที่เห็นได้ชัดที่สุดคือการปฏิเสธสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เช่น ไม่ยอมให้คนแปลกหน้าอุ้ม ไม่อยากกินยาเวลาป่วย นอกจากนี้ยังอาจเป็นการบอกคุณพ่อคุณแม่ ให้หันไปดูสิ่งที่ตัวเองมองอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น และถ้าเบือนหน้าหนีในระหว่างที่กำลังป้อนอาหาร มักเป็นการบอกว่ายังเคี้ยวหรือกลืนคำนี้ไม่เสร็จดี และยังไม่พร้อมกินคำใหม่

 

เหยียดแขน

การเหยียดแขนเป็นสัญญาณที่บอกว่าลูกกำลังอารมณ์ดี หากเป็นการเหยียดแขนในช่วงที่กำลังพยายามหัดลุกขึ้นนั่ง เด็กจะยืดแขนออกเพื่อเป็นการทรงตัว ในกรณีนี้พ่อแม่ควรให้ความช่วยเหลือโดยการประคองหรือเฝ้าระวังอยู่ห่าง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายขณะที่ลูกกำลังพยายามทรงตัว แต่ไม่จำเป็นต้องเข้าไปช่วยในทุกๆ ครั้ง ควรปล่อยให้ลูกเรียนรู้ที่จะเคลื่อนไหว และจัดระเบียบร่างกายตัวเอง

พออ่านมาถึงตรงนี้แล้ว Cotton Baby อยากชวนพ่อแม่ทุกท่านมาเริ่มเลี้ยงลูกให้เป็นเด็กสองภาษา เพื่อให้เขาคุ้นชินกับภาษาที่ต้องใช้ในอนาคตตั้งแต่ยังเล็กกันเถอะ เลี้ยงลูกให้เป็นเด็กสองภาษาด้วยเทคนิคเวิร์กที่ใช้ได้ดีกับทุกบ้าน

ทั้งหมดนี้เป็นการสังเกตและข้อปฏิบัติเบื้องต้น ทางที่ดีพ่อแม่ควรค่อยๆ เรียนรู้ท่าทางของลูกอยู่ตลอดเวลา เพราะเด็กแต่ละคนมีท่าทางเฉพาะตัว ที่อาจแปลความหมายได้หลากหลายกว่านี้ หากเกิดพฤติกรรมที่ผิดปกติจริงๆ อาจลองปรึกษาผู้เชี่ยวชาญดู เพื่อรับมือกับพัฒนาการของเจ้าตัวเล็กได้อย่างเหมาะสม

SHARE

RELATED POSTS

พาลูกสำรวจโลกแห่งสีสัน ผ่านกิจกรรมสอนเรื่องสี สีสันเป็นสิ่งที่รายล้อมอยู่รอบตัวเราตลอดเวลา ตั้งแต่แสงแดดยามเช้า…
ถาดซิลิโคนใส่อาหารสำหรับเด็ก ตัวช่วยให้ลูกทานอาหารง่ายขึ้น คุณพ่อคุณแม่อาจเคยเจอกับปัญหาเวลาที่ลูกทานข้าวแล้วไม่ยอมทานดี ๆ…