คอร์สเรียนดนตรีแบบไหน?
เหมาะสมกับวัยของลูก เพื่อพัฒนาการที่สมบูรณ์
เสียงดนตรี นอกจากจะช่วยสร้างทั้งความบันเทิงและผ่อนคลายได้แล้ว ยังแฝงไปด้วยความสร้างสรรค์ ที่มีประโยชน์ต่อทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะกับเด็กเล็ก เพราะ ดนตรีเป็นสิ่งที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการ และธรรมชาติของเด็ก ๆ ได้ และยังเป็นการช่วยเสริมสร้างพัฒนาการเด็กได้อย่างรอบด้านอีกด้วย หากคุณพ่อคุณแม่บ้านไหนที่กำลังสนใจอยากพาลูกไปเรียนดนตรี แต่ยังไม่ทราบว่าจะต้องเรียนดนตรีคอร์สแบบใด จึงจะเหมาะสมกับช่วงวัยของลูก เรามาดูหลักสูตรการเรียนดนตรี เพื่อพัฒนาการของลูกกันดีกว่า
คอร์สเรียนดนตรีสำหรับเด็ก ที่เหมาะสมกับช่วงอายุของลูก
1 year : เหมาะกับการเรียนดนตรีแบบกลุ่ม (Group only) สำหรับเด็กวัย 1 ขวบ เป็นช่วงสำคัญที่สุดของการพัฒนาด้านร่างกาย ควรใช้ดนตรีเป็นสื่อ เพื่อสัมผัสร่างกายและจิตใจ ซึ่งการพัฒนาประสาทสัมผัสทั้ง 5 ในเด็กวัยนี้ จะต้องใช้ดนตรี พร้อมกับการ Eurhythmic ที่เป็นสื่อการเรียนรู้ดนตรีผ่านการฟังและเคลื่อนไหวร่างกาย ให้เด็กแสดงออกด้วยการวิ่ง กระโดด หรือโยกร่างกายตามจังหวะ ทั้งนี้ผู้ปกครองสามารถทำกิจกรรมพร้อมลูก ๆ ได้อีกด้วย
2 year : เหมาะกับการเรียนดนตรีแบบกลุ่ม (Group only) เด็กวัยนี้จะเริ่มมีพัฒนาการทางร่างกาย อารมณ์ และจิตใจ เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน เขาจะเข้าใจในสิ่งที่คนรอบข้างพูด และมีเหตุผลมากขึ้น ควรใช้ดนตรี หรือการเล่านิทานประกอบกับดนตรี เพื่อให้เด็กเกิดจินตนาการระหว่างภาพและเสียง ก่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ นอกจากนี้ยังช่วยให้เด็ก ๆ รู้จักการเข้าสังคม โดยใช้ดนตรีสื่อสารกัน จนเกิดพัฒนาการด้านการฟัง ร้อง และเล่น
3 year : เหมาะกับการเรียนดนตรีแบบกลุ่ม (Group only) เป็นช่วงที่เด็กจะชอบจินตนาการ และสามารถเล่นคนเดียว มีบทบาทสมมุติในชีวิตประจำวัน มีความสนใจสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัว ชอบทำอะไรเหมือนคนรอบข้าง เด็กในวัยนี้ ควรให้เขาทำกิจกรรมเข้าจังหวะ และเริ่มให้มีการเล่นเปียโนระดับพื้นฐานได้ ช่วยทำให้เด็กได้รู้จักและรับรู้ ถึงบทบาทหน้าที่ รวมไปถึงการแข่งขัน ส่งผลให้เขาได้รู้จักมองโลกแง่บวก ซึ่งจะช่วยกระตุ้นพัฒนาการได้อย่างรวดเร็ว
4 year : เหมาะกับการเรียนดนตรีแบบกลุ่ม (Group only) หรือเริ่มเรียนแบบตัวต่อตัว (Individual) เด็กในวัย 4 ขวบ จะเริ่มมีพัฒนาการทางด้านร่างกาย และอารมณ์ที่ชัดเจนมากขึ้น ชอบการแสดงออก มีพัฒนาการของกล้ามเนื้อมัดเล็ก, ใหญ่เพิ่มขึ้น สามารถเพิ่มทักษะการเล่นเปียโนโดยใช้ Rhythmic และ Solfeggio เป็นสื่อการสอนที่ให้เด็กอ่านโน้ต โด เร มี ฟา ซอล พร้อมกับซึมซับจังหวะต่าง ๆ โดยให้ร่างกายได้สัมผัสกับ Melody ฝึกพัฒนาทักษะการอ่าน เพื่อให้เด็ก ๆ สามารถนำไปใช้ในการเล่นดนตรีในระดับสูงต่อไปได้
5 year : เหมาะกับการเรียนดนตรีแบบตัวต่อตัว (Individual) เด็กตั้งแต่วัย 5 – 6 ขวบ สามารถเริ่มจับเครื่องดนตรีได้แล้ว แต่ต้องเลือกประเภทเครื่องดนตรีที่เหมาะสมและเป็นไปได้ และที่สำคัญจะต้องเป็นเครื่องดนตรีที่มีขนาดไม่ใหญ่ เหมาะกับนิ้วมือเล็ก ๆ ของเด็ก เช่น Piano, Flute หรือ Violin เป็นต้น
6 year : เหมาะกับการเรียนดนตรีแบบตัวต่อตัว (Individual) วัยนี้เป็นการเรียนเพื่อให้มีพัฒนาการรอบด้านที่สมบูรณ์ ทั้งร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ จิตใจ และสังคม ซึ่งเด็กในวัยประมาณ 6 – 7 ขวบ โดยเฉพาะเด็กผู้ชาย ส่วนใหญ่แล้วมักจะสนใจเล่นกีตาร์มากกว่าเปียโน เขาจะคิดว่าเล่นแล้วเท่ แต่ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนด้วย
ดนตรี ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการของลูกน้อยให้สมบูรณ์
1.พัฒนาทางการทางด้านร่างกาย
โดยธรรมชาติของวัยเด็ก เขาไม่ชอบอยู่นิ่ง แต่จะชอบเคลื่อนไหวร่างกายอยู่เสมอ เช่น การวิ่ง ปีนป่าย กระโดดโลดเต้น ซึ่งกิจกรรมทางด้านดนตรี ตอบโจทย์ความต้องการของเด็กวัยนี้ได้ดี เพราะ เขาจะได้เคลื่อนไหวร่างกายทุกส่วนตามจังหวะ และทำนองดนตรี ถือเป็นการออกกำลังกายที่ทำให้ให้เด็ก ๆ มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง
2.พัฒนาการทางด้านสังคม
การเรียนดนตรี มีทั้งแบบเดี่ยว และแบบกลุ่ม ทั้ง 2 แบบนี้สามารถช่วยพัฒนาทางด้านสังคมได้ทั้งคู่ อย่างการเรียนดนตรีแบบเดี่ยว เป็นการฝึกให้เด็กได้แสดงความสามารถ และความถนัดของตนเอง เพื่อให้เป็นที่ยอมรับ รวมถึงเรื่องการพัฒนาบุคลิกภาพ ความเชื่อมั่นใจ กล้าแสดงออก และความเป็นผู้นำ ส่วนของแบบกลุ่ม เป็นการเปิดโอกาสให้เด็กได้เรียนรู้ถึงการทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น เมื่อเป็นผู้นำแล้ว ต้องหัดผู้ตาม ตรงนี้จะช่วยให้เด็กรู้จักปรับตัวให้เข้ากับผู้อื่นมากยิ่งขึ้น
3.พัฒนาการทางด้านอารมณ์ และจิตใจ
เสียงดนตรี ช่วยเสริมสร้างพัฒนาด้านทางอารมณ์ของเด็ก เมื่อเขาได้ฟังเพลงที่มีทำนอง หรือมีจังหวะช้า ๆ เบา ๆ จะรู้สึกได้ถึงความสงบ มีสมาธิ จิตใจผ่อนคลาย ในทางกลับกัน เพลงที่มีทำนอง หรือจังหวะเร็ว มีผลทำให้เด็กรู้สึกสดชื่น แจ่มใส และมีจิตใจร่าเริงเบิกบาน
4.ช่วยพัฒนาการทางด้านสติปัญญา
เมื่อเข้าเรียนดนตรี จะมีกิจกรรมให้ทำหลากหลาย เพื่อให้เด็กเรียนรู้ และลงมือปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ภาษา จากเนื้อร้อง, คณิตศาสตร์ จากจังหวะและการอ่านโน้ต และวิทยาศาสตร์ สังคม ประเพณีวัฒนธรรมไทย หรือต่างชาติ สามารถเรียนรู้ผ่านเนื้อร้อง และทำนองของเพลง
เมื่อคุณพ่อคุณแม่ทราบคอร์สเรียนดนตรีที่เหมาะสมกับวัยของลูกแล้ว ที่สำคัญที่สุด ไม่ควรมองข้ามเลยก็คือ ความชอบของลูก ต้องคอยหมั่นสังเกต หรือคุยกับเขา ว่าเขาชอบหรืออยากเรียนอะไร ซึ่งเด็กบางคนอาจไม่ได้เริ่มจากเปียโน เป็นเครื่องดนตรีชิ้นแรกเสมอไป และนอกจากที่ลูกของเราจะได้เล่นในสิ่งที่เขาชอบแล้ว ยังได้เรียนรู้วิธีการเล่นอย่างถูกต้อง สัมผัสถึงความสนุก และช่วยเพิ่มความมั่นใจให้มากขึ้นอีกด้วย