ทารกไม่ยอมนอน ตื่นกลางดึกบ่อย ทำ 3 วิธีนี้แก้ได้แน่นอน

ทารกไม่ยอมนอน ลูกนอนยาก

  ทารกไม่ยอมนอน ตื่นกลางดึกบ่อย ทำ 3 วิธีนี้แก้ได้แน่นอน เราเชื่อว่าพ่อแม่มือใหม่หลายคนกำลังกังวลกับปัญหาทารกไม่ยอมนอน โดยเฉพาะเด็กในช่วงอายุ 6-8 เดือน ที่สิ่งแวดล้อมจะมีอิทธิพลต่อการนอนหลับมากขึ้น หากปล่อยไว้ไม่เริ่มแก้ไขจะส่งผลให้ลูกมีปัญหาสุขภาพด้านการนอนหลับในระยะยาวไปจนถึงตอนโตเลยก็ได้ ทาง Cotton Baby จึงมีวิธีรับมือกับลูกนอนยากมาฝากกันค่ะ ลองทำตามเรารับรองว่าช่วยได้แน่นอน ทำไมทารกไม่ยอมนอน ก่อนอื่นเราจำเป็นจะต้องรู้ว่าทำไมทารกไม่ยอมนอน เพื่อจะได้แก้ไขปัญหาอย่างถูกจุด ซึ่งสาเหตุก็มีทั้งปัจจัยจากตัวลูกเองและปัจจัยภายนอกด้วย ทารกไม่ยอมนอนเพราะป่วย ห่วงเล่นไม่อยากนอน กลัวบางอย่างที่จินตนาการ เช่น สัตว์ประหลาด ผี กินนมมากไป แพ้นมวัว หรือร่างกายย่อยน้ำตาลแลกโตสได้ไม่ดีเท่าที่ควร สภาพแวดล้อมไม่เหมาะต่อการนอนของลูก 3 วิธีรับมือกับทารกไม่ยอมนอน 1. ‘สร้างบรรยากาศผ่อนคลาย’ สภาพแวดล้อมไม่ดีอาจทำให้ทารกไม่ยอมนอน สภาพแวดล้อมของห้องนอนจะต้องสงบ ผ่อนคลาย ไม่มีเสียงดังรบกวน รวมถึงเรื่องของอุณหภูมิก็สำคัญเช่นกัน หากร้อนเกินไป ลูกจะมีเหงื่อออก ทำให้รู้สึกไม่สบายตัว ร้องงอแงกลางดึก หากหนาวเกินไป ลูกก็จะหลับไม่สบายตัว แนะนำ อุณหภูมิห้องที่เหมาะกับการนอนของเด็กมากที่สุดควรอยู่ระหว่าง 24-26 องศา สร้างบรรยากาศที่เหมาะแก่การนอน เช่น เปิดเพลงกล่อม เปิดไฟสลัว เมื่อลูกหลับแล้วค่อยหรี่ไฟให้เบาลง […]

ประโยชน์ล้ำค่าจาก ‘นมแม่’ ที่ลูกน้อยควรได้รับตั้งแต่แรกเกิด

นมแม่

ประโยชน์ล้ำค่าจาก ‘นมแม่’ ที่ลูกน้อยควรได้รับตั้งแต่แรกเกิด น้ำนมแม่เปรียบเสมือนวัคซีนเข็มแรกของลูกน้อย เพราะในน้ำนมแม่มีสารอาหารเป็นประโยชน์ที่จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกเติบโตอย่างแข็งแรงสมบูรณ์ แต่สารอาหารในน้ำนมแม่นั้นมีการเปลี่ยนแปลงผ่านกระบวนการสร้างน้ำนมในร่างกายอยู่ตลอด สำหรับคุณแม่ที่ตั้งใจว่าจะให้นมลูกเองจำเป็นต้องรู้ว่าสารอาหารในน้ำนมแม่ของแต่ละระยะว่ามีความสำคัญแค่ไหน หากพลาดไปลูกน้อยก็จะไม่ได้สารอาหารที่ควรได้รับ 3 ระยะของน้ำนมแม่ แหล่งคุณประโยชน์ที่ลูกควรได้รับ การให้ลูกน้อยรับน้ำนมแม่นอกจากจะต้องให้ตั้งแต่แรกเกิดต่อเนื่องไปจนถึงอายุ 2 ขวบแล้ว ในน้ำนมแม่แต่ละระยะยังให้สารอาหารช่วยสร้างภูมิคุ้มกันของลูกที่ยังไม่สมบูรณ์ได้แตกต่างกัน เรามาดูกันดีกว่าว่าในน้ำนมแม่ทั้ง 3 ระยะนี้มีประโยชน์ต่อลูกน้อยอย่างไรบ้าง นมแม่ระยะที่ 1 เป็นหัวน้ำนม (Colostrum) น้ำนมแม่ระยะแรกจะสร้างขึ้นช่วง 1-3 วันหลังคลอดเท่านั้น นมแม่ในช่วงนี้คือ ‘น้ำนมเหลือง’ หรือ ‘หัวน้ำนม’ เป็นน้ำนมที่อุดมสมบูรณ์มาก เต็มไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตด้านสมองและการมองเห็นของลูกน้อย เช่น Immunoglobulin (IgA), Lactoferrin (แล็กโทเฟอร์ริน), เซลล์เม็ดเลือดขาว และโปรตีนต่าง ๆ ช่วยสร้างระบบภูมิคุ้มกันร่างกายลูกตั้งแต่แรกเกิด ถือเป็นสารอาหารที่สร้างภูมิต้านทานที่ดีให้ลูกมากที่สุด ปริมาณแร่ธาตุและวิตามินต่าง ๆ เช่น โซเดียม คลอไรด์ แมกนีเซียม ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรง การเจริญเติบโตด้านสมอง และการมองเห็นของลูก หัวน้ำนมยังมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ เพื่อให้ลูกขับถ่ายขี้เทาออกมา ลดโอกาสอาการตัวเหลืองที่อาจเกิดขึ้นได้ […]

ครรภ์เป็นพิษ ภาวะอันตรายที่คุณแม่ต้องระวัง พร้อมวิธีสังเกตอาการ

ครรภ์เป็นพิษ

ครรภ์เป็นพิษ ภาวะอันตรายที่คุณแม่ต้องระวัง พร้อมวิธีสังเกตอาการ คุณแม่ตั้งครรภ์ทุกคนล้วนต้องการให้ลูกในครรภ์มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง แต่คุณแม่จำนวนไม่น้อยเลยที่เสี่ยงต่อ “ครรภ์เป็นพิษ” ภาวะแทรกซ้อนของการตั้งครรภ์ที่อันตราย คุณแม่ตั้งครรภ์จึงจำเป็นต้องรู้ว่าตัวเองเสี่ยงต่อภาวะครรภ์เป็นพิษหรือไม่ หมั่นคอยสังเกตอาการตัวเองอยู่เสมอ หากเข้าข่ายมีความเสี่ยงหรือมีสัญญาณเตือนบางอย่างจะได้รับมือกับครรภ์เป็นพิษได้ทันเวลานะคะ รู้จักภาวะครรภ์เป็นพิษ ครรภ์เป็นพิษ (ในทางการแพทย์อาจเรียกว่า ความดันโลหิตสูงในสตรีตั้งครรภ์ หรือ ภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์) คือ ภาวะแทรกซ้อนของการตั้งครรภ์ที่เป็นอันตราย ซึ่งยังไม่มีสาเหตุที่แน่ชัดว่าครรภ์เป็นพิษเกิดจากอะไรกันแน่ อาจมีสาเหตุมาจากสิ่งเหล่านี้ได้ ความผิดปกติของรก ทำให้มีสารบางชนิดไปกระตุ้นให้หลอดเลือดหดตัวอย่างรุนแรง ส่งผลให้เกิดความดันโลหิตสูงกว่า 140/90 มิลลิเมตรปรอท มีภาวะโปรตีนหรือไข่ขาวรั่วออกมาปะปนอยู่ในปัสสาวะ ไตทำงานผิดปกติ ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันหรือฮอร์โมนต่อมไร้ท่อบางตัว กรรมพันธุ์ คุณแม่ที่มีโอกาสเสี่ยงต่อภาวะครรภ์เป็นพิษ หากมีประวัติตามข้อดังกล่าวนี้อาจเพิ่มความเสี่ยงโอกาสในการเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษได้ คุณแม่มีโรคอ้วน เส้นเลือดไม่ค่อยดี ทำให้เกิดภาวะหัวใจตีบได้ง่าย ตั้งครรภ์ตอนอายุน้อยกว่า 18 ปี หรืออายุ 35 ปี ขึ้นไป ระยะห่างของการตั้งครรภ์ ห่างจาก ครรภ์ก่อนหน้า มากกว่า 10 ปี ตั้งครรภ์แฝด หรือมากกว่า 1 คน ตั้งครรภ์ครั้งแรก มีกรรมพันธุ์ หรือคนในครอบครัวเคยเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษ มีโรคประจำตัว […]

5 วิธีป้องกัน อาการลูกแหวะนมที่พ่อแม่ต้องเจอในเด็กแรกเกิด

ลูกแหวะนม

5 วิธีป้องกัน อาการลูกแหวะนมที่พ่อแม่ต้องเจอในเด็กแรกเกิด อาการลูกแหวะนม เป็นอาการปกติที่พ่อแม่สามารถพบได้ในเด็กทารกแรกเกิดโดยเฉพาะช่วง 4 เดือนแรก หลังจากนั้นอาการลูกแหวะนมจะเริ่มดีขึ้นและหายได้เองในช่วงอายุ 12-18 เดือน แต่ระหว่างนี้ถ้าลูกแหวะนมบ่อยมากเกินไปจนผิดสังเกต พ่อแม่ไม่ควรปล่อยเอาไว้นะคะ เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนปัญหาสุขภาพของลูกก็ได้ เรามาทำความเข้าใจอาการลูกแหวะนมกันก่อนดีกว่าว่ามันเกิดขึ้นจากอะไรแล้วมีวิธีป้องกันอย่างไรบ้าง รู้จักอาการลูกแหวะนม ลูกแหวะนม คือ อาการที่ลูกบ้วนนมออกมาในระหว่างหรือหลังดูดนม สาเหตุที่ลูกแหวะนมเกิดจากลูกดูดนมในปริมาณมาก กระเพาะที่ยังเล็กจึงไม่มีพื้นที่รองรับปริมาณน้ำนม และกล้ามเนื้อหูรูดของกระเพาะอาหารก็ยังทำงานได้ไม่เต็มที่ทำให้ลูกแหวะนมนั่นเองค่ะ อย่างที่เราได้บอกไว้ตอนต้นว่าอาการลูกแหวะนมจะหายไปได้เองเมื่อลูกโตขึ้น แต่ระหว่างนั้นถ้าลูกแหวะนมบ่อยขึ้นร่วมกับแสดงอาการที่ผิดปกติก็มีโอกาสเป็นภาวะโรค GERD หรือกรดไหลย้อนได้ ซึ่งเป็นอาการของเหลวในกระเพราะไหลย้อนมายังหลอดอาหาร และอาจเป็นไปได้ว่าอาการเหล่านี้จะกลายเป็นภาวะแทรกซ้อนในระบบทางเดินหายใจ หรือ ระบบทางเดินอาหาร *อาการลูกแหวะนมอาจเกิดขึ้นจากสาเหตุอื่นที่ไม่ใช่กรดไหลย้อน บางทีอาจเกิดจากลูกแพ้นมวัว หรือร่างกายย่อยน้ำตาลแลกโตส (Lactose) ได้ไม่ดี ซึ่งจะแสดงอาการที่ต่างออกไป เช่น ผื่นขึ้น ผิวหนังอักเสบ ปวดท้อง ท้องอืด ท้องผูก หรือถ่ายเหลว ถ่ายปนเลือด ถ้ามีอาการเหล่านี้เพิ่มเข้ามาก็มีโอกาสที่ลูกจะแพ้นมวัวได้ ควรพาน้องไปตรวจหาสาเหตุเพื่อได้รับการรักษาที่ถูกต้องจะดีกว่านะคะ วิธีสังเกตอาการลูกแหวะนมปกติ กับ โรค GERD ลูกแหวะนมปกติ – ของเหลวที่ออกมาจะมีลักษณะสีขาวคล้ายลิ่มเต้าหู้ ไม่ปนเลือดหรือน้ำดีออกมาด้วย ลูกแหวะนมในภาวะโรค GERD […]

ลูกทะเลาะกับพ่อ แม่ รับมืออย่างไรให้แฮปปี้ทั้งสองฝ่าย

ทะเลาะกับพ่อ แม่, ทะเลาะกับครอบครัว

ลูกทะเลาะกับพ่อ แม่ รับมืออย่างไรให้แฮปปี้ทั้งสองฝ่าย สายใยของคนในครอบครัว เป็นความสัมพันธ์แสนพิเศษที่ไม่เหมือนความสัมพันธ์รูปแบบอื่น แต่ปัจจุบันมีหลายครอบครัวที่เกิดปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ เมื่อลูกทะเลาะกับพ่อ แม่ อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่โตบานปลายไปจนถึงขั้นตัดขาดกันเลยก็เป็นได้ หากพ่อแม่ไม่รู้วิธีรับมือกับสถานการณ์ หรือทำความเข้าใจกับลูกก็อาจส่งผลกระทบให้บรรยากาศในครอบครัวอึดอัดได้ เราจะพาพ่อแม่ไปรู้ถึงวิธีการรับมือกับสถานการณ์เมื่อลูกทะเลาะกับครอบครัวว่าควรทำอย่างไร Do & Don’t | 5 วิธีรับมือเมื่อทะเลาะกันในครอบครัว เมื่อลูกทะเลาะกับพ่อ แม่ อย่าเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง การทะเลาะกับครอบครัวโดยส่วนมากแล้วไม่ลูกก็พ่อแม่นี่แหละที่จะเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะคิดว่าตัวเองถูกอยู่เสมอ โดยไม่สนใจความรู้สึกของอีกฝ่ายเลย ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย หากไม่มีใครยอมใคร ไม่ปรับความเข้าใจกันก็อาจเกิดการทะเลาะกันถึงขั้นรุนแรงและตัดขาดกันไปเลยก็ได้ ทางออกสำหรับปัญหานี้ก็คือ ต้องหยุดคิดว่าใครผิดใครถูกในระหว่างที่ทะเลาะกัน อย่ารีบตัดสินว่าใครผิดใครถูก อย่าเพิ่งโทษตัวเอง หรือปล่อยปัญหาทิ้งไว้โดยไม่แก้ไข เพราะบรรยากาศน่าอึดอัดจะอยู่กับเราไปเรื่อย ๆ รอให้ต่างฝ่ายต่างเย็นลงแล้วค่อยคุยกันด้วยเหตุผลอาจทำให้เข้าใจกันมากขึ้นได้มากกว่า ทะเลาะกับพ่อ แม่ เพราะถูกบังคับให้อยู่ในกรอบจนเกินไป เมื่อลูกถูกคาดหวังจากพ่อแม่มากเกินไป ถูกตีกรอบให้อยู่ในกฎเกณฑ์ บังคับทุกอย่างให้เป็นไปตามที่วางไว้ ซึ่งในช่วงแรกลูกอาจยอมทำเพราะรัก แต่สะสมไปนาน ๆ เข้าจะทำให้ลูกรู้สึกอึดอัด กดดันตัวเอง และพอถึงขีดสุดของความอดทนจะทำให้ลูกระเบิดออกมา โดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแม้แต่พ่อแม่ตัวเอง จึงเกิดเป็นการทะเลาะกับครอบครัวขึ้นมา ในกรณีแบบนี้พ่อแม่ควรยกเรื่องกตัญญูและอกตัญญูออกไปก่อน มันไม่ใช่เรื่องของความดีความชั่ว แต่คือการบาลานซ์ความรู้สึกของทั้งฝ่ายเราและลูกให้มีความสุขทั้งคู่ กลับมามองถึงปัญหาจริง ๆ ว่าการทะเลาะครั้งนี้เกิดขึ้นจากอะไรแล้วค่อยมาเจอกันตรงกลางดีกว่ายึดติดกับกฎเกณฑ์จนไม่มีความสุข […]

พ่อแม่รังแกฉัน ทำร้ายลูกโดยไม่รู้ตัวที่ส่งผลเสียถึงอนาคต

พ่อแม่รังแกฉัน

พ่อแม่รังแกฉัน ทำร้ายลูกโดยไม่รู้ตัวที่ส่งผลเสียถึงอนาคต “พ่อแม่รังแกฉัน” ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงลูกที่ถูกพ่อแม่ทุบตีทำร้ายร่างกาย แต่เป็นการเลี้ยงดูลูกในแบบที่ผิดจนส่งผลเสียไปถึงอนาคตของเด็ก หากคุณอยู่ในฐานะพ่อแม่ มาลองอ่านบทความนี้เพื่อศึกษาแนวทางการเลี้ยงลูกกันเถอะ จะได้ระวังไม่ให้เกิดพฤติกรรม พ่อแม่รังแกฉัน โดยไม่รู้ตัว การทำร้ายลูกตัวเองโดยที่พ่อแม่ไม่รู้ตัว อาจเกิดมาจากความรักและความหวังดีที่อยากจะดูแลลูกให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ บางครั้งก็หลงลืมการสอนด้วยเหตุผลและความถูกต้องไปบ้าง จนทำให้เกิดเป็นการสปอยล์ลูกในทางที่ผิด ฉะนั้น การเลี้ยงลูกในแบบที่พ่อแม่คิดว่าดีที่สุด อาจไม่ใช่สิ่งที่ดีต่อลูกเสมอไป มาเช็กแต่ละพฤติกรรมกันดีกว่าว่าคุณกำลังเข้าข่าย พ่อแม่รังแกฉัน อยู่หรือเปล่า สำรวจ 6 พฤติกรรม นี่แหละที่เรียกว่า “พ่อแม่รังแกฉัน” พ่อแม่รังแกฉันในแบบ “รักและปกป้องลูกมากเกินไป” การเลี้ยงดูลูกเหมือน ไข่ในหิน ไม่ยอมให้ลูกเจอกับโลกภายนอก ไม่ยอมให้ห่างจากสายตาเพราะกลัวลูกจะเป็นอันตราย ลูกจึงไม่เคยตัดสินใจอะไรด้วยตัวเอง พฤติกรรมของพ่อแม่แบบนี้ส่งผลให้ลูกมีทักษะในการช่วยเหลือตัวเองช้า การพัฒนาไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีความมั่นใจในตัวเองนั้นจึงมีน้อยมากเพราะไม่เคยตัดสินใจอะไรด้วยตัวเอง พ่อแม่รังแกฉันด้วยการ “ตามใจมากเกินไป” พ่อแม่ที่เลี้ยงดูลูกแบบตามใจทุกอย่าง ลูกต้องการสิ่งใดขอให้บอก พ่อแม่จะคอยหามาให้ โดยไม่เคยสอนลูกด้วยเหตุผลว่าสิ่งไหนผิด สิ่งไหนถูก และปล่อยให้เขาทำตามใจตัวเอง ส่งผลให้เมื่อลูกได้ออกไปเจอสังคมภายนอกจะทำให้เขาอยู่ร่วมกับคนอื่นได้ยาก การที่ลูกถูกเลี้ยงมาแบบตามใจ ลูกไม่สามารถปรับตัวเข้ากับคนอื่นได้เลย แถมยังมีความอดทนน้อยเพราะสิ่งที่อยากได้นั้นได้มาแบบง่าย ๆ พ่อแม่รังแกฉัน บีบบังคับ “เข้มงวด สร้างกฎเกณฑ์ให้ลูกอยู่ในกรอบ” การที่ลูกอยู่ภายใต้กฎระเบียบที่ตั้งไว้ พ่อแม่อาจคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีสำหรับลูก แต่มีงานศึกษาหนึ่งพบว่า การเลี้ยงดูเด็กแบบเข้มงวดเกินไปจะส่งผลเสียต่อพฤติกรรมของเด็ก […]

ถาดซิลิโคนใส่อาหารสำหรับเด็ก ตัวช่วยให้ลูกทานอาหารง่ายขึ้น

อาหารสำหรับเด็ก, ถาดซิลิโคน

ถาดซิลิโคนใส่อาหารสำหรับเด็ก ตัวช่วยให้ลูกทานอาหารง่ายขึ้น คุณพ่อคุณแม่อาจเคยเจอกับปัญหาเวลาที่ลูกทานข้าวแล้วไม่ยอมทานดี ๆ ทำจานข้าวคว่ำอาหารตกเลอะเทอะ หรือถาดอาหารไม่สะอาดจนลูกน้อยท้องเสีย กว่าลูกจะกินข้าวเสร็จในแต่ละมื้อช่างยาวนานและเหนื่อยมาก ๆ แถมยังต้องมาเก็บกวาดอาหารที่หกอีก วันนี้ Cotton Baby มีตัวช่วยดี ๆ ที่จะทำให้ลูกทานข้าวได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมมาฝากค่ะ เมื่ออายุได้ 3 – 4 เดือน เด็กจะมีพัฒนาการด้านกล้ามเนื้อมัดเล็กที่พยายามใช้มือหยิบสิ่งของ และเมื่อเข้าเดือน 5-6 จะพัฒนามาหยิบด้วยนิ้วโป้ง หลังจากนั้นจะควบคุมกล้ามเนื้อจนสามารถหยิบจับสิ่งของได้ดีขึ้น พอช่วงอายุ 8-9 เดือน กล้ามเนื้อมัดเล็กของลูกจะพัฒนาและแข็งแรงขึ้น เหมาะสำหรับการเริ่มฝึกลูกให้ทานข้าวเอง หากคุณแม่มีอุปกรณ์เสริมอย่างถาดซิลิโคนและถาดหลุมใส่อาหารสำหรับเด็กก็จะยิ่งช่วยให้ลูกทานอาหารง่ายขึ้นและคุณแม่ก็เตรียมอาหารได้แบบไม่ต้องกังวล มีช่องแบ่งอาหารในขนาดที่คำนวนมาแล้วว่าเหมาะต่อปริมาณที่เด็กควรได้รับ ข้อดีของถาดใส่อาหารสำหรับเด็ก ถาดซิลิโคน สีสันสดใส ช่วยดึงดูดให้ลูกสนใจอาหารมากขึ้น ซิลิโคนดูด ช่วยยึดติดกับโต๊ะ ป้องกันลูกทำจานคว่ำหกเลอะเทอะ เมื่อลูกทานอาหารได้ง่ายขึ้นและเริ่มทานเองได้แล้ว การใช้ถาดซิลิโคนที่ยึดติดกับโต๊ะ ช่วยให้ลูกหยิบ Finger Food ได้สะดวกยิ่งขึ้น อ่านเพิ่มได้ที่ เสริมพัฒนาการลูกด้วย Finger Food และช่วยฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็ก พัฒนาความเชื่อมโยงระหว่างกล้ามเนื้อและประสาทสัมผัส ช่องแบ่งอาหารที่ใส่ได้ครบทุกหมวดหมู่ มีขนาดหลุมพอดีต่อการทานอาหารของลูก ใช้งานง่าย ทนความร้อน […]

แนะนำของเล่นเสริมพัฒนาการลูกน้อยวัยแรกเกิด – 12 เดือน

ของเล่นเสริมพัฒนาการ

แนะนำของเล่นเสริมพัฒนาการลูกน้อยวัยแรกเกิด – 12 เดือน ‘ของเล่นเสริมพัฒนาการ’ มีส่วนช่วยสร้างเสริมพัฒนาการของลูกอย่างรอบด้าน เมื่อเติบโตร่างกายจะค่อย ๆ ปรับและมีพัฒนาการไปตามที่ควรจะเป็น เกิดกระบวนการผนึกเซลล์สมองเข้าด้วยกัน ส่งผลให้เด็กที่เล่นของเล่นเสริมพัฒนาการสามารถเรียนรู้ จดจำ สังเกตและเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากกว่าเด็กทั่วไป ของเล่นเสริมพัฒนาการ จึงมีความสำคัญต่อลูกน้อย Cotton Baby จะมาแนะนำของเล่นเสริมพัฒนาการที่เหมาะกับเด็กแต่ละช่วงวัยให้คุณพ่อคุณแม่ไปจัดหามาให้คุณลูกได้เล่นกันค่ะ พัฒนาการของลูกวัยแรกเกิด ช่วงแรกเกิดลูกจะรับความรู้สึกได้จากการถูกสัมผัสและคว้าจับสิ่งของได้ นอกจากนี้ลูกจะสามารถขยับแขน ขา กระพริบตา หรือส่ายศีรษะไปมาได้เมื่อมีวัตถุมาสัมผัส เด็กจะมองเห็นทุกอย่างเป็นสีขาว ดำ หรือเฉดสีเทา มองตามวัตถุที่เคลื่อนไหวได้ พอเข้าวัย 1 เดือน ลูกจะมองเห็นวัตถุต่าง ๆ ได้ในระยะ 8-12 นิ้ว เป็นระยะที่พอดีกับตอนที่คุณแม่อุ้มให้นม มองตามวัตถุที่เคลื่อนไหวได้ และจะเริ่มสนใจกับสิ่งที่ผ่านตาไปด้านข้าง แต่ยังไม่สามารถขยับแค่ดวงตาเพื่อมองด้านข้างได้ จะหันทั้งหัวเพื่อมองแทน เขาอาจมองพ่อแม่แค่เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น ซึ่งในช่วงอายุนี้ ลูกจะชอบวัตถุที่มีสีสันสดใส โดดเด่น มากกว่าสีโทนพาสเทล การกระตุ้นพัฒนาการลูกวัยแรกเกิด อุ้มลูกบ่อย ๆ คุยกับลูกใกล้ ๆ […]

คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องรู้ 5 ข้อห้ามทำ เมื่อมีอาการท้องแข็ง

ท้องแข็ง

คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องรู้ 5 ข้อห้ามทำ เมื่อมีอาการท้องแข็ง หากคุณแม่ไม่ได้กำลังดูรายการคอมเมดี้อยู่แล้วมีอาการท้องแข็งก็คงไม่ได้เกิดจากการหัวเราะอย่างแน่นอนค่ะ แต่อาการท้องแข็งที่คุณแม่หลายคนกำลังเจออยู่นั้นสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุมาก ๆ วันนี้ทาง Cotton Baby เลยได้รวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ พร้อม Do & Don’t ของอาการท้องแข็งว่าควรทำและห้ามทำอะไรมาฝากกันค่ะ ‘ท้องแข็ง’ เกิดจากอะไรได้บ้าง ? อาการท้องแข็ง คือ อาการของคุณแม่ตั้งครรภ์ที่มีความรู้สึกว่ามีก้อน ตึง ๆ ที่ท้อง จะแข็งมาก-น้อย แตกต่างกันออกไป (แล้วแต่คน) ซึ่งโดยทั่วไปแล้วอาการท้องแข็งจะพบได้กับคุณแม่ตั้งครรภ์ในช่วงไตรมาสที่ 3 หรือช่วงใกล้คลอดนั่นเอง อาจมีอาการท้องแข็งได้วันละ 3 – 4 ครั้ง แต่จะไม่สม่ำเสมอนะคะ เป็นเพราะอะไรนั้นเรามีคำตอบมาให้แล้วค่ะ สาเหตุที่คุณแม่มีอาการท้องแข็ง 1. ท้องแข็งจากการบีบตัวของมดลูก ลักษณะอาการท้องแข็งแบบนี้ ท้องของคุณแม่จะต้องแข็งโป๊กทั้งหมด จะไม่แข็งเป็นบางบริเวณ มีอาการปวดท้องคล้ายปวดประจำเดือนร่วมด้วย และอาการท้องแข็งจากสาเหตุของมดลูกบีบตัวก็สามารถแบ่งออกได้ 2 แบบ คือ ท้องแข็งของแท้ (มดลูกบีบตัวก่อนกำหนด) มักพบในช่วงอายุครรภ์ 32 สัปดาห์ ถือเป็นช่วงที่ลูกจะดิ้นมากที่สุด […]

5 ท่าออกกำลังกายคนท้อง ช่วยคุณแม่ให้คลอดง่าย ร่างกายฟื้นตัวไว

ท่าออกกำลังกายคนท้อง

5 ท่าออกกำลังกายคนท้อง ช่วยคุณแม่ให้คลอดง่าย ร่างกายฟื้นตัวไว สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ การออกกำลังกายเป็นเรื่องสำคัญที่มีส่วนช่วยให้การคลอดธรรมชาติเป็นไปได้ง่ายขึ้น และที่สำคัญยังช่วยคุณแม่ให้ฟื้นตัวได้เร็วหลังคลอดอีกด้วย Cotton Baby เลยขอมาแนะนำท่าออกกำลังกายคนท้อง แบบง่าย ๆ ทำได้ที่บ้าน มาฝากเหล่าคุณแม่กันค่ะ *คุณแม่ตั้งครรภ์ที่ไม่มีข้อห้ามในการออกกำลังกายภายใต้คำแนะนำของแพทย์ก็สามารถออกกำลังกายได้ตลอดช่วงตั้งครรภ์ แต่ก็ควรไปปรึกษาเพื่อรับคำแนะนำจากแพทย์ก่อน เนื่องจากคุณแม่แต่ละคนมีความเสี่ยงที่ต่างกัน 5 ท่าออกกำลังกายคนท้อง เตรียมร่างกายก่อนคลอด พร้อมฟื้นตัวได้ไว 1. ท่าออกกำลังกายคนท้อง “Kegel” ท่าออกกำลังกายคนท้องอย่างการฝึก Kegels ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ซึ่งเป็นส่วนที่รองรับช่องคลอด ปากมดลูก กระเพาะปัสสาวะ และลำไส้ ทำให้ช่องคลอดขยายได้ง่าย อีกทั้งยังช่วยลดการฉีกขาดบริเวณฝีเย็บที่เกิดจากการคลอด และลดอาการของปัสสาวะเล็ดได้อีกด้วย วิธีออกกำลังกายท่า Kegel ขมิบหรือกลั้นปัสสาวะ ทำครั้งละ 5 – 10 วินาที แล้วคลาย ทำสลับกันเรื่อย ๆ อย่างน้อย 45 – 50 ครั้งต่อวัน (แบ่งเป็นเซ็ตย่อย ๆ ได้ เช่น 3 […]