ลำดับการขึ้นและหลุดของฟันน้ำนม ซี่ไหนควรขึ้นเมื่อไหร่นะ?
ลำดับการขึ้นและหลุดของฟันน้ำนม ซี่ไหนควรขึ้นเมื่อไหร่นะ? ฟันน้ำนม เป็นฟันชุดแรกของลูกน้อยที่ขึ้นมาเพื่อใช้บดเคี้ยวอาหารในช่วงแรก แล้วภายหลังฟันน้ำนมก็จะเริ่มหลุดออกเพื่อให้ฟันแท้เกิดขึ้นมา โดยคุณแม่สามารถสังเกตอาการได้ว่าฟันน้ำนมจะเริ่มงอกขึ้นตอนไหน แต่ส่วนใหญ่แล้วฟันน้ำนมจะเริ่มงอกตอนลูกอายุประมาณ 6 เดือน ซึ่งลำดับการขึ้นของฟันน้ำนมในแต่ละซี่มีช่วงเวลาที่แตกต่างกัน เรามาดูเลยดีกว่าว่าฟันของลูกน้อยควรขึ้นและหลุดตอนไหนบ้าง หากเกินกำหนดไปแล้วยังไม่ขึ้นจะได้ปรึกษากับทันตแพทย์ได้ทันเวลาค่ะ อาการที่เป็นสัญญาณว่าฟันน้ำนมกำลังจะขึ้น สัญญาณที่จะบอกคุณแม่ว่าฟันน้ำนมของคุณลูกกำลังจะขึ้นคือ เริ่มเห็นน้ำลายไหลตลอด มีอาการคันเหงือก เหงือกบวมแดงก่อนฟันน้ำนมจะแทรกตัวงอกขึ้นมา รวมถึงมีร้องงอแงที่อาจมาจากการเจ็บปวดบริเวณที่ฟันน้ำนมจะขึ้นจนไปรบกวนการนอนและการกินข้าวได้ แต่ถ้ารุนแรงถึงขั้นมีไข้ ท้องร่วง หรือชักกระตุกตัวเกร็ง ควรพาไปพบคุณหมอทันทีเลยนะคะ ลำดับการขึ้น-หลุดของฟันน้ำนมสำหรับลูกน้อย ลำดับการขึ้นของฟันน้ำนม มีทั้งหมด 20 ซี่ (ฟันบน 10 ซี่ ฟันล่าง 10 ซี่) ฟันน้ำนมด้านบน ประกอบด้วย ฟันตัดหน้าซี่กลาง บน 2 ซี่ (Central Incisor) เวลาที่ฟันขึ้นอายุ 8-12 เดือน ฟันหลุดช่วงอายุ 6-7 ปี ฟันตัดหน้าซี่ข้าง บน 2 ซี่ (Lateral Incisor) เวลาที่ฟันขึ้นอายุ 9-13 […]
คุณแม่ห้ามพลาด เผยตัวช่วยลดอาการเด็กท้องผูกด้วยโยเกิร์ต
คุณแม่ห้ามพลาด เผยตัวช่วยลดอาการเด็กท้องผูกด้วยโยเกิร์ต เมื่อเด็กท้องผูก ถ่ายไม่ออก หนึ่งในปัญหาของลูกน้อยที่พ่อแม่ต้องเจอเป็นเรื่องปกติ แต่ต่อไปนี้เราจะมีสุดยอดตัวช่วยบรรเทาอาการท้องผูกให้ลูกแล้วกับ “โยเกิร์ต” ที่มีประโยชน์ทั้งกับผู้ใหญ่และเด็ก ซึ่งพ่อแม่หลายคนอาจกำลังสงสัยกันใช่ไหมคะว่า…ให้ลูกกินโยเกิร์ตได้ไหม อายุเท่าไหร่จึงกินได้ แล้วโยเกิร์ตดีกับลูกหรือเปล่า หมดห่วงได้เลยค่ะเพราะวันนี้ Cotton Baby มีคำตอบมาให้แล้วว่าเมื่อเด็กท้องผูก แก้ได้ด้วยโยเกิร์ตจริงหรือไม่ โยเกิร์ต ดีต่อลูกน้อยยังไงนะ? นอกจากโยเกิร์ตจะเป็นแหล่งโปรตีนและแคลเซียมแล้ว ยังมีโปรไบโอติกที่ช่วยปรับระบบภูมิคุ้มกันของลำไส้ได้ดี สร้างสมดุลในระบบทางเดินอาหาร ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย ลดอาการท้องผูก และช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกายของลูกได้อีกด้วยค่ะ เด็กท้องผูก ให้โยเกิร์ตเป็นตัวช่วยบรรเทา รักษาสมดุลของลำไส้ ทำให้ระบบลำไส้ และระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น ลดปัญหาเด็กท้องผูก เพราะในโยเกิร์ตมีจุลินทรีย์ดีอย่าง Lactobacillus และ Streptococcus ซึ่งอาศัยอยู่ในลำไส้ของคนเราอยู่แล้ว แต่!!! ประโยชน์ชองโยเกิร์ตที่กล่าวไปนั้นจะมีคุณค่าทางโภชนาการต่อเด็กที่มีอายุมากกว่า 6 เดือน เท่านั้น หมายความว่า เด็ก ๆ จะสามารถเริ่มกินโยเกิร์ตได้ก็ต่อเมื่ออายุเกิน 6 เดือนไปแล้ว นั่นเองค่ะ เด็กท้องผูก ลองให้กินโยเกิร์ตดูสิ จากคุณค่าทางโภชนาการของโยเกิร์ตคงจะไขข้อสงสัยให้พ่อแม่ได้นะคะ หากเด็กท้องผูกก็สามารถป้อนโยเกิร์ตให้กินได้ แต่มีข้อแม้ว่ารอให้พ้นอายุ 6 เดือนไปก่อน โดยมีข้อแนะนำ […]
เหตุผลดี ๆ ที่พ่อแม่ควรรู้ของการเลี้ยงลูกให้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ
เหตุผลดี ๆ ที่พ่อแม่ควรรู้ของการเลี้ยงลูกให้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้วล่ะค่ะว่าการเลี้ยงลูกเป็นอะไรที่ต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ (Science สิ่งที่เป็นเหตุเป็นผล Art สิ่งที่ใช้ความรู้สึกและประสบการณ์) ซึ่งพ่อแม่เองก็คงจะเคยได้ยินเกี่ยวกับ “การเลี้ยงลูกให้อยู่กับธรรมชาติ” กันมาบ้าง แล้วเคยสงสัยกันไหมคะว่าทำไมเราต้องให้ลูกอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติด้วย มาค่ะวันนี้ Cotton Baby จะพาไปสัมผัสถึงข้อดีของการเลี้ยงลูกให้อยู่กับธรรมชาติกัน รักวัวให้ผูก แต่ถ้า “รักลูกให้อยู่กับธรรมชาติ” มีสิ่งหนึ่งที่เรามักจะสังเกตได้อย่างชัดเจนเลยก็คือ ความแตกต่างของสุขภาพกายและจิตใจ ระหว่างเด็กที่เติบโตมาจากสังคมต่างจังหวัด กับ เด็กที่เติบโตมาในสังคมเมือง โดยเด็กในสังคมเมืองค่อนข้างที่จะอ่อนแอ เป็นโรคภัยไข้เจ็บได้ง่ายกว่า มีภูมิคุ้มกันร่างกายน้อยกว่าเด็กที่เติบโตในสังคมต่างจังหวัด เช่นเดียวกับทางด้านสุขภาพจิตใจ ซึ่งเด็กในสังคมเมืองจะค่อนข้างมีความเคร่งเครียดมากกว่า ทำให้เด็กในสังคมเมืองมักจะมีสุขภาพกายและจิตใจที่อ่อนแอกว่าเด็กในสังคมต่างจังหวัด เด็กสังคมเมือง VS เด็กสังคมต่างจังหวัด เด็กที่เติบโตในสังคมเมือง ส่วนใหญ่จะอยู่ในสภาวะสิ่งแวดล้อมที่สะอาดมากเกินไป และเมื่อเด็กอยู่แต่ในพื้นที่ที่สะอาดบ่อย ๆ ก็จะทำให้มีปัญหาสุขภาพตามมา เพราะร่างกายเขาไม่เคยทำความรู้จักกับเชื้อโรคเลย จึงเป็นผลให้ร่างกายไม่มีภูมิป้องกันเชื้อโรค และยังส่งต่อเป็นผลพวงทำให้ระบบภูมิคุ้มกันหันมาทำให้เด็กเป็นโรคภูมิแพ้แทนนั่นเองค่ะ *โดยระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย มีหน้าที่คือการต่อสู้กับเชื้อโรคต่าง ๆ เช่น แบคทีเรีย ไวรัส หรือ ปรสิตต่าง ๆ รวมถึงการทำปฏิกิริยากับสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ทำให้เราเกิดอาการแพ้ รวมถึงสภาพแวดล้อมของเด็กที่เติบโตในสังคมเมือง มักจะแวดล้อมไปด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือของเล่นทางวัตถุต่าง […]
ไขสารพันความข้องใจเกี่ยวกับ น้ำคาวปลา ที่คุณแม่มือใหม่ควรรู้
ไขสารพันความข้องใจเกี่ยวกับ น้ำคาวปลา ที่คุณแม่มือใหม่ควรรู้ คุณแม่มือใหม่ที่ตั้งครรภ์และคลอดเป็นครั้งแรกในชีวิต ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยค่ะที่เราจะมีความกังวล หรือพบว่ามีเรื่องอีกมากที่เรายังไม่รู้ รวมถึง “น้ำคาวปลา” ซึ่งเป็นหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงหลังคลอดที่คุณแม่ทุกคนต้องเจอ วันนี้ Cotton Baby จะพาไปทำความรู้จัก พร้อมไขข้อสงสัยต่าง ๆ นา ๆ เกี่ยวกับน้ำคาวปลากันค่ะ น้ำคาวปลา คืออะไร? น้ำคาวปลา คือ ของเหลวที่ถูกขับออกมาจากทางช่องคลอด หลังจากที่คุณแม่คลอดลูกแล้ว โดยในช่วง 2 -3 วันหลังคลอด เยื่อบุโพรงมดลูกที่เกาะตัวหนาขึ้นในขณะตั้งครรภ์จะเริ่มแยกออกเป็น 2 ชั้น ซึ่งชั้นบนจะหลุดออกมาเป็น “น้ำคาวปลา” ส่วนชั้นล่างจะยังยึดติดกับชั้นกล้ามเนื้อมดลูก เพื่อที่จะสร้างเยื่อบุโพรงมดลูกชั้นใหม่ สำหรับการมีรอบประจำเดือนต่อไป ลักษณะของน้ำคาวปลาเป็นแบบไหน? น้ำคาวปลามีลักษณะโดยรวมคล้ายกับประจำเดือน อาจมีกลิ่นเหม็นอับ น้ำคาวปลา ประกอบด้วย เลือด น้ำเหลือง น้ำคร่ำหรือขี้เถ้า น้ำหล่อลื่น เศษเนื้อเยื่อหรือเยื่อบุโพรงมดลูก เศษรก เศษไขที่ติดตามเนื้อตัวของลูก เม็ดเลือดขาว และไขมันที่ยังหลงเหลืออยู่ภายในตัวของคุณแม่ ลักษณะและสีของน้ำคาวปลา อาจแตกต่างกันไปตามระยะของช่วงวันหลังคลอด ชวนสังเกตน้ำคาวปลาแบบไหนผิดปกติ มีกลิ่นเหม็นเน่า ปวดมดลูกมาก […]
วิธีเล่นจ๊ะเอ๋กับลูก เรียกเสียงหัวเราะ พร้อมช่วยเสริมพัฒนาการ
วิธีเล่นจ๊ะเอ๋กับลูก เรียกเสียงหัวเราะ พร้อมช่วยเสริมพัฒนาการ จ๊ะเอ๋ กิจกรรมที่ดูธรรมดา แต่แฝงไปด้วยประโยชน์สุดเหลือเชื่อ ซึ่งแม่ ๆ ทราบกันไหมคะว่าการเล่นจ๊ะเอ๋กับลูกเนี่ย ช่วยกระตุ้นพัฒนาการได้หลายด้านมาก ๆ เลย ทั้งการสื่อสารระหว่างกันของเด็กและพ่อแม่ การยิ้ม หัวเราะ ร้องไห้ มองตา หรือขยับมือไม้ แขน-ขา ทำให้เด็กได้เรียนรู้ถึงการคงอยู่ของสิ่งของ ฝึกการจดจำข้อมูล รวมถึงการอดทน และสร้างสายสัมพันธ์ในครอบครัวอีกด้วย รู้แบบนี้แล้ว เราไปดูถึงข้อดีและวิธีการเล่นจ๊ะเอ่กับลูกเพื่อเสริมพัฒนาการกันเลยดีกว่าค่ะ ข้อดีของการเล่นจ๊ะเอ๋กับลูก ประโยชน์ของการเล่นจ๊ะเอ๋ที่ลูกจะได้รับ ช่วยกระตุ้นพัฒนาการทางการสื่อสารระหว่างกัน ฝึกทักษะการสังเกตสิ่งรอบตัวในชีวิตประจำวัน ช่วยให้เรียนรู้เรื่องการคงอยู่ของสิ่งต่าง ๆ ฝึกการจดจำสิ่งต่าง ๆ ทำให้รู้จักการรอคอย และความอดทน สร้างสายสัมพันธ์ให้กับลูก สิ่งที่พ่อแม่จะได้รับจากการเล่นจ๊ะเอ๋กับลูก ได้สังเกตพัฒนาการของลูกในแต่ละด้านว่าเป็นอย่างไร ช้า/เร็วไปหรือไม่ ได้เห็นความชอบ หรือความถนัดของลูกจากการเล่นต่าง ๆ เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความอบอุ่น และสานสัมพันธ์ในครอบครัว ได้อีกหนึ่งกิจกรรมเล่นกับลูกที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการ ปฏิสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นขณะที่เราเล่นจ๊ะเอ๋กับลูก โผล่ตรงนี้บ้าง ตรงนั้นบ้าง จะช่วยให้สมองและพัฒนาการของเด็กในหลายด้านถูกกระตุ้น จนเด็กได้รับการฝึกทักษะรอบด้านผ่านการเล่นจ๊ะเอ๋นี้อย่างไม่รู้ตัว รวมถึง “ช่วงเวลาแห่งการเล่นกับลูก” ที่มีคุณภาพก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน พ่อแม่จะต้องวางแผนจัดการเวลาเพื่อเล่นกับลูกด้วยนะคะ ซึ่งช่วงเวลาเหล่านี้นี่แหละค่ะที่จะเป็นจุดเริ่มต้นและแรงผลักดันที่ช่วยให้ลูกมีทักษะที่จำเป็นในอนาคต […]
รู้จักผื่นกุหลาบในเด็ก โรคผิวหนังช่วงหน้าฝนที่พ่อแม่ควรระวัง
รู้จักผื่นกุหลาบในเด็ก โรคผิวหนังช่วงหน้าฝนที่พ่อแม่ควรระวัง คุณพ่อคุณแม่เคยได้ยินผื่นในเด็กที่ชื่อว่า “ผื่นกุหลาบ” กันไหมคะ โรคผื่นผิวหนังชนิดนี้เรียกได้ว่าเป็นโรคยอดฮิตของเด็กในช่วงหน้าฝนเลยก็ได้ค่ะ แต่อย่าเพิ่งเป็นกังวลไปว่าโรคผื่นกุหลาบจะร้ายแรง เพราะมันสามารถหายเองได้ วันนี้เราจึงอยากพาไปรู้จักกับโรคนี้กัน โดยเฉพาะถ้าใครเป็นคุณแม่มือใหม่ควรจะต้องรู้และเตรียมตัวรับมือกับโรคผื่นกุหลาบนะคะ โรคผื่นกุหลาบ คืออะไร ? ผื่นกุหลาบ (Pityriasis Rosea) หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อว่า ส่าไข้ เป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่มักพบได้บ่อยในเด็กเล็กที่อายุน้อยกว่า 2 ปี ซึ่งเคยพบโรคผื่นกุหลาบในเด็กทารกที่อายุเพียง 3 เดือนอีกด้วย และสามารถพูดได้เลยว่าเด็กเล็กเกือบทุกคนจะต้องเคยเป็นโรคนี้ เอาหล่ะค่ะเมื่อรู้แบบนี้แล้วคุณแม่มือใหม่จึงไม่ควรมองข้ามโรคผื่นกุหลาบนะคะ เรามาดูสาเหตุและอาการกันต่อเลยค่ะ ผื่นกุหลาบมีสาเหตุจากอะไร เกิดจากการติดเชื้อไวรัสฮิวแมนเฮอร์ปีส์ชนิดที่ 6 และชนิดที่ 7 (Human Herpesvirus Type 6, 7) – ที่อยู่ในน้ำลาย และเสมหะ แพร่กระจายโดยการไอ จาม รวมถึงสัมผัสทางตรงและทางอ้อม เช่น เล่นของเล่นที่มีเชื้อไวรัสติดอยู่ แล้วเอามือมาขยี้ตา จับจมูก หรือเอามือเข้าปากก็สามารถติดเชื้อได้ การทำความสะอาดของเล่นเด็ก – เพราะเด็กเล็กมักจะชอบกัดสิ่งของ ทำให้มีเชื้อโรคและไวรัสอาจติดมาได้ หากไม่ทำความสะอาดหลังจากที่ลูกเล่นเสร็จ อาจทำให้มีเชื้อโรคสะสมอยู่ และก่อให้เกิดเป็นผื่นกุหลาบได้ค่ะ […]
เช็กอาการแพ้ท้องของแม่ตั้งครรภ์ที่ควรรู้ พร้อมวิธีรับมือ
เช็กอาการแพ้ท้องของแม่ตั้งครรภ์ที่ควรรู้ พร้อมวิธีรับมือ คุณแม่ที่กำลังวางแผนมีเจ้าตัวเล็กอยู่คงกำลังคอยสังเกตอาการที่เป็นสัญญาณบอกว่าตั้งครรภ์กันอยู่ใช่ไหมคะ ซึ่ง “อาการแพ้ท้อง” (Morning sickness) ก็เป็นอาการที่เกิดขึ้นของคุณแม่ตั้งครรภ์กว่า 80% เลยทีเดียว โดยส่วนใหญ่มักจะมีอาการแพ้ท้องในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ คือ 2- 8 สัปดาห์ หรือ 1 – 3 เดือน ของการตั้งครรภ์ เรามาดูกันค่ะว่าอาการแพ้ท้องนั้นมีอะไรบ้าง เพื่อจะได้เตรียมตัวรับมือเอาไว้ได้ เข้าใจ “อาการแพ้ท้อง” ที่ไม่ได้มีเหมือนกันทุกคน สาเหตุหลักของอาการแพ้ท้อง เกิดจากระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและฮอร์โมนเอชซีจี (HCG) ที่รกสร้างสูงขึ้น ทำให้ไปกระตุ้นอาการคลื่นไส้จนอยากอาเจียน นอกจากนี้ยังสามารถเกิดจากระบบประสาทอัตโนมัติบกพร่อง ส่งผลให้รับกลิ่นหรือรสชาติผิดเพี้ยนไปจากเดิม ซึ่งเป็นกลไกอัตโนมัติของร่างกายในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ ช่วยป้องกันให้เรากินอาหารอย่างระมัดระวังมากขึ้น คุณแม่ไม่ต้องเป็นกังวลไปนะคะ และนอกจากนี้ ภาวะเครียด ความอ่อนไหวทางอารมณ์ หรือความวิตกกังวลต่าง ๆ ก็ส่งผลให้อาการแพ้ท้องมีมากกว่า ทั้งนี้ คุณแม่ที่ตั้งครรภ์เป็นครั้งแรก หรืออายุน้อยกว่า 20 ปี รวมถึงมีน้ำหนักตัวมาก ก็มีโอกาสที่จะเกิดอาการแพ้ท้องมากขึ้นอีกด้วยค่ะ อาการแพ้ท้องของแม่ตั้งครรภ์ มีอะไรบ้าง ? อาการแพ้ท้องของแม่ตั้งครรภ์แต่ละคนอาจมีลักษณะที่แตกต่างกันไป แต่โดยส่วนมากมักจะแสดงอาการตอนเช้าหลังตื่นนอน ทางการแพทย์จึงเรียกกันว่า […]
พ่อแม่ระวัง! ลูกตาแฉะ มีขี้ตามาก อาจเสี่ยงภาวะท่อน้ำตาอุดตัน
พ่อแม่ระวัง! ลูกตาแฉะ มีขี้ตามาก อาจเสี่ยงภาวะท่อน้ำตาอุดตัน ปัญหาลูกน้อยตาแฉะ มีขี้ตามาก น้ำตาไหลตลอดเวลา ในทารกแรกคลอดหรือในช่วงอายุ 1 – 3 เดือน ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ร้องไห้ อาจทำให้พ่อแม่กังวลใจ ซึ่งอาการตาแฉะเช่นนี้อาจเป็นสัญญาณเตือนถึง ภาวะท่อน้ำตาอุดตัน ได้ เพราะฉะนั้นเรามาดูสาเหตุ วิธีดูแล พร้อมอาการที่ต้องระวังกันค่ะ อาการตาแฉะของลูกน้อย อาการตาแฉะในเด็กแรกเกิด มีน้ำตาไหลมาก เหมือนร้องไห้ตลอดเวลา ยังไม่มีขี้ตาสีเขียวเยอะ กรณีแบบนี้สามารถพบได้เป็นเรื่องปกติในทารกอายุไม่เกิน 6 เดือน สาเหตุมาจากท่อน้ำตาที่แคบ ยังเปิดได้ไม่สมบูรณ์ จึงทำให้เกิดการอุดตันของท่อน้ำตา หรือเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียในระหว่างการคลอด อาจแสดงอาการเพียงข้างเดียวหรือทั้งสองข้างก็ได้ค่ะ วิธีดูแลอาการตาแฉะของลูกน้อย ทำความสะอาด บริเวณรอบดวงตาของลูกด้วยสำลีชุบน้ำต้มสุก เริ่มต้นเช็ดจากหัวตาไปหางตาเบา ๆ ทำซ้ำและเปลี่ยนสำลีใหม่จนกว่าขี้ตาจะหมดค่ะ ใช้ยาหยอด ยาหยอดตาฆ่าเชื้อ หยอดวันละหยด หากวันไหนที่ลูกน้อยไม่มีขี้ตา มีเพียงน้ำตาใส ๆ ไม่ต้องหยอดก็ได้ค่ะ เป็นการลดแบคทีเรีย เชื้อโรคบริเวณใบหน้า และรอบดวงตา ซึ่งน้ำตาที่ค้างอยู่ในท่อ แบคทีเรียก็จะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นหนอง […]
มหาหิงค์ ต้นตำรับสมุนไพรไทย ช่วยแก้อาการท้องอืดของเด็กทารก
มหาหิงค์ ต้นตำรับสมุนไพรไทย ช่วยแก้อาการท้องอืดของเด็กทารก รู้ก่อนใช้ “มหาหิงค์” ต้นตำรับสมุนไพรไทยที่ช่วยแก้อาการท้องอืดของเด็กทารก มหาหิงค์ เป็นยาสมุนไพรไทยจากชันน้ำมันหรือยางที่ได้มาจากลำต้นใต้ดินและรากของพืชที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Ferula assafoetida L. ลักษณะเป็นสีเหลืองอมน้ำตาล และมีกลิ่นฉุน สรรพคุณของมหาหิงค์ ที่ใช้กับทารกถูกสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นกันมายาวนาน นิยมนำมาทาที่หน้าท้อง ฝ่ามือ ฝ่าเท้า เพื่อระงับอาการปวดท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ ใช้เป็นยาขับลม นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย ขับเสมหะ และช่วยย่อยอาหาร เมื่อทามหาหิงค์ไปสักพัก เด็กมักจะผายลมออกมา ช่วยให้สบายตัวมากยิ่งขึ้น สำหรับเด็กบางคนที่ร้องไห้ไม่หยุด พอทามหาหิงค์ปุ๊บเด็กหยุดร้องปั๊บเลยก็มีค่ะ ✅ Do: มหาหิงค์ ใช้ทาภายนอกในเฉพาะจุดเท่านั้น ควรทาในสถานที่อากาศถ่ายเท ซึ่งหลังจากทายาที่ท้องแล้ว หากใช้ผ้าอ้อมห่อบริเวณท้องเด็กจะทำให้ท้องอุ่น ช่วยเสริมให้ยาออกฤทธิ์ได้ดีขึ้น ควรระวังไม่ให้เข้าตา และสัมผัสบริเวณที่เป็นแผล แม่จะต้องเก็บให้พ้นมือเด็ก ๆ แยกกับยาประเภทอื่น ที่สำคัญก่อนใช้ต้องตรวจดูวันหมดอายุทุกครั้งด้วยนะคะ ❌ Don’t: มหาหิงค์ ห้ามกินเด็ดขาด!! เห็นข่าวเป็นอุทาหรณ์กันมาแล้วกับการใช้มหาหิงค์ผิดวิธี ข้อสำคัญคือ “มหาหิงค์เป็นยาทา ไม่ใช่ยากิน” เพราะมหาหิงค์มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ หากเด็กกินเข้าไปจะส่งผลเสียต่อร่างกายได้ อีกหนึ่งปัญหาที่แม่ […]
แม่มือใหม่ต้องรู้! เทคนิคให้ลูกดูดนมแม่จากเต้าอย่างถูกต้อง
แม่มือใหม่ต้องรู้! เทคนิคให้ลูกดูดนมแม่จากเต้าอย่างถูกต้อง นมแม่เป็นแหล่งอาหารสำคัญที่เป็นประโยชน์ที่สุดสำหรับลูกน้อย ซึ่งการให้ลูกได้ดูดนมแม่จากเต้าอย่างถูกวิธี นอกจากจะทำให้ลูกได้รับประโยชน์ที่ดีต่อร่างกายแล้ว ยังได้สัมผัสความใกล้ชิดระหว่างแม่กับลูกอีกด้วยนะคะ เพราะแบบนี้เราเลยมีเทคนิคการให้ลูกดูดนมแม่อย่างถูกวิธีมาบอกกันค่ะ เวลาไหนที่ควรให้ลูกดูดนมแม่มากที่สุด อย่างที่ทราบกันดีว่าควรให้ลูกน้อยได้ดูดนมแม่เร็วที่สุด นับจากหลังคลอดเสร็จ ซึ่งคุณหมอจะแนะนำให้ลูกดูดนมแม่ภายใน 1 ชั่วโมงหลังคลอด เพราะจะเกิดผลที่ดี โดยคุณพยาบาลจะเช็ดตัวเด็กให้แห้งก่อน แล้วค่อยนำมาวางที่อกของคุณแม่ ทั้งนี้ลูกอาจจะยังไม่ดูดนมแม่ในทันทีหรอกนะคะ ต้องใช้เวลาสักครู่ หรือภายในประมาณ 20 – 70 นาที ในการปรับตัวและหาหัวนมแม่ตามสัญชาตญาณทารกแรกเกิด หากลูกน้อยดูดนมแม่ได้เร็ว จะทำให้การหลั่งฮอร์โมนโพรแลกติน (Prolactin) ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างน้ำนม ทำให้น้ำนมมาไว และกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนออกซิโตซิน (Oxytocin) ที่มีส่วนช่วยกระตุ้นการหลั่งน้ำนมออกจากท่อน้ำนมและกระตุ้นให้มดลูกหดตัว ลดการตกเลือด ช่วยขับน้ำคาวปลา ซึ่งทำให้มดลูกเข้าอู่เร็วขึ้น ขั้นตอนเอาลูกเข้าเต้า เพื่อดูดนมแม่อย่างถูกต้อง ประคองลูกด้วยแขนข้างที่ถนัด แล้วใช้มืออีกข้างนึงจับเต้านม โดยทำมือเป็นรูปตัว C ให้นิ้วหัวแม่มืออยู่ด้านบน และนิ้วมือที่เหลืออยู่ด้านล่าง หรือศึกษาท่าอุ้มลูกในแต่ละช่วงวัย เพิ่มเติมได้ที่ “แนะนำ 6 ท่าอุ้มลูกที่เหมาะกับเด็กแรกเกิดถึง 4 เดือนขึ้นไป” ให้ลูกน้อยใช้ริมฝีปากล่างสัมผัสกับหัวนมแม่ เมื่อลูกน้อยเริ่มอ้าปากกว้างแล้ว กอดลูกให้แนบเต้านม ไม่ควรเอนตัวให้เต้านมเข้าหาลูก พร้อมตรวจดูว่าลูกดูดนมได้ลึกดีไหม โดยให้จมูก แก้ม […]