พาลูกสำรวจโลกแห่งสีสัน ผ่านกิจกรรมสอนเรื่องสี
พาลูกสำรวจโลกแห่งสีสัน ผ่านกิจกรรมสอนเรื่องสี สีสันเป็นสิ่งที่รายล้อมอยู่รอบตัวเราตลอดเวลา ตั้งแต่แสงแดดยามเช้า ต้นไม้เขียวขจี จนถึงดวงดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืน สำหรับเด็ก สีไม่ใช่เพียงแค่สิ่งที่มองเห็นได้ด้วยตา แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาทักษะด้านต่าง ๆ การสอนเรื่องสีตั้งแต่ลูกยังเล็กจึงเป็นวิธีที่ดีในการกระตุ้นพัฒนาการของเจ้าตัวเล็ก ซึ่งพ่อแม่สามารถช่วยให้ลูกได้เรียนรู้เรื่องสีได้ผ่านกิจกรรมสนุก ๆ และการได้เห็นลูกสนุกไปกับการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ย่อมเป็นความสุขอย่างหนึ่งของพ่อแม่เช่นกัน การสอนเรื่องสีนั้นสำคัญต่อพัฒนาการลูกน้อยอย่างไร? การสอนเรื่องสีมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาทักษะด้านภาษาและการเรียนรู้ของเด็ก เพราะการเรียนรู้สีช่วยให้ลูกได้ฝึกแยกแยะและเรียกชื่อสิ่งต่าง ๆ ซึ่งเป็นทักษะแกน (Core Skills) ที่เป็นรากฐานสำหรับการเรียนรู้ในอนาคต การจำแนกทางสายตา (Visual Discrimination) เป็นทักษะพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้เรื่องสี ซึ่งช่วยให้เด็กสามารถแยกแยะตัวอักษรและเรียนรู้การอ่านได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อพ่อแม่สอนเรื่องสีใหม่ ๆ สมองของลูกจะประมวลผลข้อมูลและช่วยพัฒนาไม่เพียงแต่สมองซีกซ้ายที่เป็นพื้นฐานสำหรับการคำนวณ แต่ยังเป็นการเตรียมความพร้อมในการเรียนรู้ชื่อรูปร่างของสิ่งต่าง ๆ ในอนาคตอีกด้วย การสอนเรื่องสีจึงไม่ใช่เพียงการเปิดโลกแห่งสีสันให้กับลูก แต่ยังเป็นการปูพื้นฐานทักษะที่สำคัญสำหรับการเรียนรู้ในด้านอื่น ๆ อีกด้วย โดยสามารถแบ่งระยะเวลาการเรียนรู้สีของลูกได้ ดังนี้ 12-18 เดือน: ในช่วงวัยนี้ เด็กจะเริ่มสามารถแยกแยะความแตกต่างของสีได้อย่างชัดเจน คุณพ่อคุณแม่อาจสังเกตได้จากความชอบของลูกที่มักจะหยิบสิ่งของสีใดสีหนึ่งมากกว่าสีอื่น ๆ ถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้สอนเรื่องสีให้ลูก 19-24 เดือน: เด็กวัยนี้จะเริ่มมีพัฒนาการด้านภาษาและเริ่มมีการเรียนรู้คำศัพท์เกี่ยวกับสี การสอนเรื่องสีให้กับลูกในช่วงนี้ถือเป็นการปูพื้นฐานอย่างดี ถึงแม้ว่าลูกอาจจะยังตอบไม่ถูกเมื่อคุณพ่อคุณแม่ถามว่า “อันนี้สีอะไร” แต่การที่ลูกตอบชื่อสีอื่นก็แสดงให้เห็นแล้วว่าลูกเข้าใจว่าคำศัพท์เหล่านั้นคือคำเรียกชื่อสี […]
ป้องกันลูกขาดความมั่นใจ ด้วยการปลูกฝัง Self Esteem ให้ตั้งแต่เด็ก
ป้องกันลูกขาดความมั่นใจ ด้วยการปลูกฝัง Self Esteem ให้ตั้งแต่เด็ก คงไม่มีคุณพ่อคุณแม่คนไหนอยากเห็นลูกขาดความมั่นใจหรือไม่มีความนับถือในตัวเอง เพราะความมั่นใจคือพื้นฐานสำคัญที่จะพาไปสู่ความสำเร็จของลูกในอนาคต เพราะแบบนี้ Cotton Baby จึงมีเคล็ดลับเลี้ยงลูกที่ช่วยปลูกฝัง Self Esteem ให้ได้ตั้งแต่ยังเล็กมาฝาก เสริมสร้างความมั่นใจในตัวเอง เตรียมพร้อมเผชิญกับโลกกว้างในอนาคตได้อย่างแข็งแรงทั้งกายและใจ พร้อมแล้วไปดูกันเลย รู้จัก Self Esteem คืออะไร Self Esteem หรือการรับรู้และเชื่อมั่นคุณค่าในตัวเอง รวมถึงความรู้สึกที่มีต่อตัวเองในแง่ของความสามารถ คุณลักษณะ ความมั่นใจ และความสำเร็จในชีวิต ซึ่งเด็กที่มี Self Esteem สูง มักจะมีความเชื่อมั่นในตัวเอง กล้าตัดสินใจ และมีทัศนคติเชิงบวกต่อตัวเอง ส่วนเด็กที่มี Self Esteem ต่ำ อาจมีความรู้สึกที่ด้อยคุณค่า ขาดความมั่นใจในตัวเอง หรือรู้สึกว่าตัวเองดีไม่พอ ซึ่งทักษะ Self Esteem จะส่งผลต่อพฤติกรรมและการตัดสินใจในชีวิตประจำวันของลูกไปยันตอนโตได้เลย แต่เรื่องของ Self Esteem เป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่สามารถเริ่มปลูกฝังและเสริมสร้างให้ลูกได้ตั้งแต่ยังเล็ก เพื่อป้องกันปัญหาลูกขาดความมั่นใจไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ นั่นเอง ลูกขาดความมั่นใจ ป้องกันได้ด้วยการสร้าง […]
จุกหลอกจำเป็นแค่ไหน? เคล็ดลับการใช้ที่ปลอดภัยต่อลูกน้อย
จุกหลอกจำเป็นแค่ไหน? เคล็ดลับการใช้ที่ปลอดภัยต่อลูกน้อย จุกหลอกเป็นอุปกรณ์ที่หลายครอบครัวเลือกใช้เพื่อปลอบลูกน้อยให้สงบและหลับสบาย แต่พ่อแม่หลายคนก็ยังสงสัยว่าจุกหลอกจำเป็นจริงหรือ และมีผลต่อลูกน้อยอย่างไรบ้าง วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจและแนะนำเคล็ดลับการใช้จุกหลอกที่ปลอดภัยต่อลูกกันค่ะ จุกหลอกคืออะไร? จุกหลอก คืออุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อให้ทารกใช้อมหรือดูดแทนนิ้ว ช่วยให้ลูกน้อยรู้สึกผ่อนคลายและอารมณ์ดี คุณพ่อคุณแม่จึงมักใช้จุกหลอกเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของทารกในช่วงสั้น ๆ ตอนที่ไม่ได้เข้าเต้า และช่วยให้หยุดร้องไห้ รวมถึง ช่วยป้องกันไม่ให้ลูกติดนิสัยดูดนิ้ว โดยส่วนมากจุกหลอกมักจะทำมาจากยางหรือซิลิโคนที่มีลักษณะนิ่มเพื่อให้เหมาะสำหรับการใช้กับเด็กเล็ก การใช้จุกหลอกมีข้อดีและข้อเสียอย่างไร ข้อดีของจุกหลอก จุกหลอกช่วยให้ลูกอารมณ์ดี และไม่งอแง เนื่องจากการดูดบางสิ่งในปากจะช่วยให้ลูกรู้สึกผ่อนคลายและบรรเทาอาการหงุดหงิดได้ นอกจากนี้ ยังช่วยให้ลูกรู้สึกสบายตัวขึ้น ไม่ปวดหูจากความกดของอากาศขณะขึ้นเครื่องบินได้อีกด้วย จุกหลอกช่วยเบี่ยงเบนความสนใจของลูกได้ชั่วขณะ โดยเฉพาะในช่วงที่ต้องการความร่วมมือของลูก เช่น ขณะฉีดวัคซีน เจาะเลือด หรือตอนหิว ซึ่งจะช่วยให้ลูกรู้สึกสงบ และช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากการรักษาได้ ป้องกันการดูดนิ้วด้วยการดูดจุกหลอกแทน เนื่องจากนิ้วมือมักจะสัมผัสกับสิ่งต่าง ๆ ซึ่งอาจทำให้ลูกเสี่ยงรับเชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกาย และนิสัยติดจุกหลอกยังเลิกง่ายกว่าการดูดนิ้ว การใช้จุกหลอกขณะนอนหลับช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคไหลตาย (SIDS) ซึ่งมีสาเหตุจากการกีดขวางทางเดินหายใจของทารก โดยเฉพาะในเด็กวัย 2-4 เดือน โดยการดูดจุกหลอกจะช่วยให้ลิ้นไม่อุดกั้นทางเดินหายใจของลูก ทำให้อากาศไหลเวียนได้ดียิ่งขึ้น จุกหลอกช่วยให้ลูกที่คลอดก่อนกำหนดดื่มนมได้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากจุกหลอกจะช่วยกระตุ้นพัฒนาการทางปากของลูกส่งผลให้ลูกดื่มนมจากเต้าหรือขวดนมได้ดีขึ้น ข้อเสียของจุกหลอก การใช้จุกหลอกบ่อย ๆ อาจทำให้ลูกติดจุกหลอก และร้องไห้งอแงเมื่อไม่ได้ดูดจุกหลอก จนทำให้เกิดความลำบากต่อคุณพ่อคุณแม่ การใช้จุกหลอกอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อในหูชั้นกลาง […]
รวมวิธีดูแลตัวเองหลังผ่าคลอด กุญแจสำคัญสู่การฟื้นตัวไว
รวมวิธีดูแลตัวเองหลังผ่าคลอด กุญแจสำคัญสู่การฟื้นตัวไว การผ่าคลอดเป็นวิธีการทำคลอดที่ช่วยให้คุณแม่และลูกน้อยปลอดภัยจากความเสี่ยงระหว่างการตั้งครรภ์หรือแม้แต่ปัญหาต่าง ๆ ที่ทำให้คุณแม่ไม่สามารถคลอดเองได้ตามธรรมชาติ เหล่าคุณแม่ทั้งหลายอาจจะรู้สึกตื่นเต้นและมีความสุขหลังจากได้เห็นหน้าลูกน้อย แต่หลายคนก็ต้องเผชิญกับความเหนื่อยล้าหลังผ่าคลอด การดูแลตัวเองหลังผ่าคลอดจึงเป็นสิ่งสำคัญที่คุณแม่ทั้งหลายไม่ควรมองข้าม เพื่อให้คุณแม่ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วและกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ พร้อมกลับมามีพลังในการเลี้ยงเจ้าตัวเล็กได้อย่างมีความสุข เทคนิคดูแลตัวเองหลังผ่าคลอดที่คุณแม่ควรรู้ กิจวัตรประจำวัน 1. การขยับร่างกาย การขยับตัวเป็นการดูแลตัวเองหลังผ่าคลอดที่สำคัญมากที่จะช่วยให้คุณแม่ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว โดยคุณแม่ควรขยับตัวตั้งแต่วันแรกหลังจากผ่าตัด อาจจะใช้วิธีการขยับร่างกายเบา ๆ เช่น การลุกขึ้นนั่งหรือยืนข้างเตียง เพื่อป้องกันอาการท้องอืด และลดการเกิดพังผืดบริเวณช่องท้อง นอกจากนี้ ในช่วงแรกคุณแม่อาจรู้สึกเจ็บแผลขณะขยับร่างกาย จึงควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่หนักเกินไป เช่น การขับรถ การออกกำลังกาย การมีเพศสัมพันธ์ เป็นต้น 2. การพักผ่อน การพักผ่อนอย่างเพียงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการดูแลตัวเองหลังผ่าคลอด โดยคุณแม่ควรนอนให้ได้มากที่สุดในช่วงที่ลูกนอนหลับ เนื่องจากร่างกายของคุณแม่อาจอ่อนเพลียจากการผ่าตัดและให้นมลูก ดังนั้น การพักผ่อนจึงจะช่วยให้คุณแม่ฟื้นฟูร่างกายจากอาการอ่อนล้าและความเครียดได้เป็นอย่างดี 3. การทานอาหาร ในการดูแลตัวเองหลังผ่าคลอด คุณแม่ควรให้ความสำคัญกับการเลือกทานอาหารอย่างเหมาะสม โดยควรเริ่มจากการค่อย ๆ จิบน้ำหรือของเหลว ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นอาหารเหลวอย่างโจ๊ก หลังจากนั้นจึงเริ่มทานอาหารที่ย่อยง่ายและรสไม่จัดได้ นอกจากนี้ยังควรเลี่ยงการดื่มนมหรือน้ำอัดลม เพราะอาจทำให้ท้องอืด และอาหารที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ เช่น อาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ อาหารหมักดอง และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงควรทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น […]
ปัญหาเด็กแพ้อาหารไม่ใช่เรื่องเล็ก พ่อแม่ไม่ควรมองข้าม
ปัญหาเด็กแพ้อาหารไม่ใช่เรื่องเล็ก พ่อแม่ไม่ควรมองข้าม เมื่อถึงเวลาที่ลูกน้อยต้องเริ่มทานอาหารอื่นนอกจากนมแม่ ในช่วงแรกคุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจจะรู้สึกตื่นเต้นกับการเปลี่ยนแปลง แต่เมื่อได้ทราบว่าลูกตัวน้อยเป็นเด็กแพ้อาหาร ความกังวลก็กลับคืบคลานเข้ามาแทนที่ แต่ในขณะเดียวกัน พ่อแม่ก็อาจจะคิดว่าเดี๋ยวโตอาการแพ้อาหารก็คงหายไป ทานนิดหน่อยคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง จนกลายเป็นการมองข้ามความสำคัญของการแพ้อาหารที่สามารถนำไปสู่ผลกระทบรุนแรงต่อสุขภาพและการใช้ชีวิตประจำวันของลูกน้อย อย่างไรก็ตาม ความคิดที่ว่าเด็กแพ้อาหารแล้วโตไปจะหายเอง ก็ไม่ใช่ความคิดที่ผิดเสียทีเดียว เพราะโดยปกติเด็ก 50% แพ้นมจะหายแพ้เมื่ออายุ 5 ขวบ เด็กที่แพ้ไข่จะหายแพ้เมื่ออายุ 6 ขวบ และเด็กที่แพ้แป้งสาลีจะหายแพ้เมื่ออายุ 7 ขวบ แต่อาการแพ้ถั่วและอาหารทะเลมักจะไม่หายไปตามอายุ และอาจติดตัวลูกไปตลอดชีวิต โดยอาหารที่มักเป็นสาเหตุของอาการเด็กแพ้อาหาร ได้แก่ นม ไข่ ข้าวสาลี ถั่ว ปลา และอาหารทะเล สาเหตุที่ทำให้เด็กแพ้อาหาร โดยปกติการแพ้อาหารในเด็กมักพบในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ขวบ ซึ่งเกิดจากการตอบสนองที่ผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายต่อโปรตีนในสารอาหารที่รับประทานเข้าไป เนื่องจากภูมิคุ้มกันไม่สามารถแยกแยะระหว่างอาหารที่ไม่เป็นอันตรายกับเชื้อโรค จึงสร้างแอนติบอดีอิมมูโนโกลบูลินอี (IgE) ขึ้นมา ทำให้เกิดอาการลมพิษ หอบหืด คันในปาก หายใจลำบาก ปวดท้อง อาเจียน หรือท้องเสีย นอกจากนี้ การที่เด็กแพ้อาหารไม่ได้ขึ้นอยู่กับปริมาณของอาหารที่ทานเข้าไป แม้ว่าจะทานเพียงแค่ชิ้นเล็ก ๆ ก็อาจกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ที่รุนแรงได้เช่นกัน […]
รวมกิจกรรมพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก เสริมสร้างพัฒนาการลูกน้อย
รวมกิจกรรมพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก เสริมสร้างพัฒนาการลูกน้อย การพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเด็กวัยแรกเกิดถึง 3 ปี เนื่องจากเป็นช่วงวัยที่สมองและร่างกายของลูกน้อยพัฒนาอย่างรวดเร็ว และทักษะการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กอย่างเหมาะสมตามช่วงวัยไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างทักษะทางกายภาพเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อพัฒนาการทางด้านจิตใจและการเรียนรู้อีกด้วย วันนี้จะพาคุณพ่อคุณแม่ไปสำรวจกิจกรรมพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กให้กับลูกน้อยได้อย่างมีประสิทธิภาพและสนุกสนาน กล้ามเนื้อมัดเล็กคืออะไร สำคัญอย่างไรต่อลูกน้อย? กล้ามเนื้อมัดเล็ก (Fine Motor) ซึ่งประกอบด้วยกล้ามเนื้อบริเวณข้อมือ ฝ่ามือ และนิ้วมือ มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาของเด็ก เพราะกล้ามเนื้อเหล่านี้ช่วยควบคุมการหยิบจับสิ่งของและทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การแต่งตัว แปรงฟัน และทานอาหาร การทำกิจกรรมพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กจึงช่วยเสริมสร้างการทำงานประสานกันระหว่างมือและตา ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับทักษะการเรียนรู้ด้านภาษาและศิลปะในอนาคต อย่างไรก็ตาม การเร่งให้เด็กฝึกเขียนก่อนที่กล้ามเนื้อมัดเล็กจะพร้อม อาจทำให้เด็กเกิดความเครียดและต่อต้านการเรียนรู้ได้ ดังนั้น การส่งเสริมพัฒนาการกล้ามเนื้อมัดเล็กจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเตรียมความพร้อมให้เด็กก่อนเข้าสู่การเรียนรู้ขั้นต่อไป เสริมสร้างพัฒนาการลูกน้อยด้วย 10 กิจกรรมพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก 1. กิจกรรมพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กด้วยดินน้ำมัน การปั้นดินน้ำมันหรือดินเหนียวเป็นกิจกรรมพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กและเสริมสร้างพัฒนาการทางประสาทสัมผัส โดยเด็ก ๆ สามารถบีบ ยืด หรือปั้นเป็นรูปต่าง ๆ ได้ ซึ่งนอกจากจะช่วยเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมัดเล็กแล้วยังช่วยส่งเสริมจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ของเด็กได้เป็นอย่างดี 2. กิจกรรมพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กด้วยสติ๊กเกอร์ การแปะสติ๊กเกอร์ลงบนพื้นที่ต่าง ๆ เช่น บนมือหรือเสื้อผ้า แล้วให้ลูกลองลอกไปแปะยังตำแหน่งอื่นที่กำหนดไว้ เป็นกิจกรรมพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กที่ช่วยส่งเสริมทักษะการหยิบจับสิ่งของด้วยปลายนิ้ว และพัฒนาการทำงานประสานกันของมือและตา ซึ่งสำคัญต่อการทำกิจกรรมต่าง ๆ […]
Helicopter Parent คืออะไร ดูแลลูกดีทำไมเหมือนพ่อแม่รังแกหนู
Helicopter Parent คืออะไร ดูแลลูกอย่างดีแต่ทำไมเหมือนพ่อแม่รังแกหนู พ่อแม่หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมลูกเราถึงไม่ยอมโตสักที ดูแลตัวเองก็ไม่ค่อยได้ จนอาจต้องย้อนกลับมาถามตัวเองว่าที่ลูกเป็นแบบนี้เพราะวิธีการเลี้ยงดูที่ผิดพลาด จากการที่พ่อแม่เข้าไปมีส่วนร่วมในชีวิตลูกมากเกินไป จนกลายเป็น Helicopter Parent หรือเรียกเป็นภาษาไทยง่าย ๆ ว่า พ่อแม่รังแกฉัน แล้วทำไมการพยายามดูแลลูกรักด้วยเป็นความห่วง กลับถูกมองว่าเป็นการทำร้ายลูก ในบทความนี้เราจะพาไปดูกันว่า Helicopter Parent คืออะไร และส่งผลกระทบอย่างไรต่อลูก ทำไมถึงเรียกว่า Helicopter Parent Helicopter Parent คือพ่อแม่ที่ปกป้องและมีส่วนร่วมกับชีวิตลูกจนมากเกินไป ราวกับเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่บินวนรอบตัวลูก และพร้อมที่จะลงจอดเข้าช่วยเหลือลูกทันทีที่มีปัญหา หรือบางครั้งแม้จะเพียงแค่สัมผัสได้ถึงสัญญาณของปัญหาก็จะรีบพุ่งตัวเข้าไปช่วย ด้วยความกังวลและเป็นห่วงลูกจนเกินเหตุ คำว่า ‘Helicopter Parent’ ปรากฏครั้งแรกในหนังสือ ‘Between Parent and Teenager’ ของ ดร. เฮม จีนอตต์ (Dr. Haim Ginott) ในปี ค.ศ. 1969 ซึ่งเล่าเรื่องราวของเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งที่แม่คอยบงการเขาราวกับเป็นเฮลิคอปเตอร์ หลังจากนั้นคำว่า Helicopter Parent ก็เริ่มแพร่หลายมากขึ้นในช่วงต้นปี […]
‘บุหรี่ไฟฟ้า’ เทรนด์ที่พ่อแม่ควรรู้ เพื่อปกป้องคุณหนูตัวน้อย
‘บุหรี่ไฟฟ้า’ เทรนด์ที่พ่อแม่ยุคใหม่ควรรู้ เพื่อปกป้องคุณหนูตัวน้อย | Advertorial สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่ทุกท่าน เชื่อว่าการเป็นพ่อแม่ในยุคปัจจุบันย่อมได้เจอกับความท้าทายใหม่ ๆ อยู่เสมอ โดยเฉพาะความท้าทายที่มองไม่เห็น ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ บุหรี่ไฟฟ้า ที่เป็นที่นิยมในกลุ่มเด็กและเยาวชนมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเข้าถึงได้ง่าย หรือเด็กบางคนอาจมองว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นเรื่องของเทรนด์ที่ใคร ๆ ก็ใช้กัน ดังนั้น สิ่งที่พ่อแม่อย่างเราสามารถทำได้คือการตื่นตัวและรู้เท่าทันพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อเป็นเกราะป้องกันไม่ให้ลูกได้รับผลกระทบอย่างทันท่วงที บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร? บุหรี่ไฟฟ้า หรือที่รู้จักกันในชื่อ vape เป็นอุปกรณ์สูบบุหรี่ชนิดหนึ่งที่ใช้กลไกไฟฟ้าในการสร้างความร้อนเพื่อทำให้น้ำยาภายในเครื่องกลายเป็นไอระเหย ที่โดยปกติในน้ำยาจะประกอบไปด้วยนิโคตินซึ่งเป็นสารเสพติดชนิดหนึ่งที่มีอันตรายต่อสุขภาพ โดยเฉพาะกลุ่มเด็กวัยกำลังเติบโต และในปัจจุบันบุหรี่ไฟฟ้ายังคงเป็นสิ่งผิดกฎหมายในประเทศไทย ไม่ว่าจะมีไว้ครอบครอง นำเข้า หรือจำหน่าย ทำไมเด็กรุ่นใหม่เริ่มใช้บุหรี่ไฟฟ้ามากขึ้น? ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาจะเห็นได้ชัดว่าบุหรี่ไฟฟ้ากำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่เยาวชน จากการสำรวจการบริโภคผลิตภัณฑ์ยาสูบ Global Youth Tobacco Survey : GYTS ปี พ.ศ. 2565 ของประเทศไทย พบว่าจำนวนเด็กที่มีอายุ 13-15 ปี สูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นถึง 5.3 เท่า เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2558 และยิ่งไปกว่านั้นยังมีข่าวพบว่ามีการทดลองสูบบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กที่อายุเพียง […]
Baby Shower ปาร์ตี้ต้อนรับเจ้าตัวน้อย ไม่ใช่อาบน้ำเด็ก
Baby Shower ปาร์ตี้ต้อนรับเจ้าตัวน้อย ไม่ใช่อาบน้ำเด็กอย่างที่คิด เมื่อชีวิตก้าวเข้าสู่บทใหม่แสนล้ำค่า การเฉลิมฉลองและแบ่งปันความสุขกับคนที่รักถือเป็นสิ่งที่ช่วยเติมเต็มความทรงจำร่วมกัน เพื่อให้ช่วงเวลาเหล่านั้นมีความหมายและเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่น วันนี้เราจะไปรู้จักกับ Baby Shower งานเฉลิมฉลองสำคัญสำหรับพ่อแม่มือใหม่ พร้อมแนะนำขั้นตอนการจัดงานที่จะช่วยทำให้ช่วงเวลานี้กลายเป็นความทรงจำที่สวยงามและน่าประทับใจ Baby Shower คืออะไร Baby Shower คืองานที่จัดขึ้นเพื่อต้อนรับสมาชิกใหม่ของครอบครัว และเฉลิมฉลองให้กับว่าที่คุณพ่อคุณแม่ ซึ่งโดยธรรมเนียมงานนี้มักจะจัดโดยเพื่อนสนิทหรือญาติฝั่งแม่ และมักจะเชิญผู้ร่วมงานที่เป็นผู้หญิงเท่านั้น แต่ในปัจจุบันที่ยุคสมัยเปลี่ยนแปลงไป การจัดงาน Baby Shower ไม่ได้มีการจำกัดเพศของผู้จัดและผู้ร่วมงานแล้ว แต่เน้นการจัดงานเพื่อให้ทุกคนได้มาร่วมยินดี รวมถึงบางครั้งคุณพ่อคุณแม่อาจเป็นคนจัดงานและเชิญแขกมาร่วมงานด้วยตัวเอง โดยมีจุดประสงค์เพื่อมอบของขวัญที่จำเป็นสำหรับทารก ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการจัดงานคือช่วงที่คุณแม่ใกล้คลอด ประมาณ 4-6 สัปดาห์ก่อนถึงกำหนดคลอด ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ไม่ใกล้กำหนดคลอดเกินไป เพื่อไม่สร้างความยุ่งยากให้กับคุณแม่ ประวัติความเป็นมาของ Baby Shower เดิมทีในยุคล่าอาณานิคมอเมริกา ผู้หญิงในครอบครัวหรือคนสนิทของคุณแม่มักจะมารวมตัวกันที่บ้านของคุณแม่ในช่วงใกล้คลอด จนถึงคลอดเสร็จ และจัดงาน ‘Birthing Party’ เพื่อพูดคุยและเป็นกำลังใจให้คุณแม่ และหลังจากคลอดเสร็จก็จะมีการผลัดกันเวียนไปดูแลให้คุณแม่ได้พักฟื้นอย่างเต็มที่ เรียกช่วงเวลานี้ว่า ‘Lying In’ จากนั้นคุณแม่จะจัดงาน ‘Groaning Party’ เพื่อเลี้ยงอาหารตอบแทน ก่อนที่ประเพณี Baby […]
เมื่อลูกหวงของเล่น จะสอนอย่างไรให้รู้จักแบ่งปัน
เมื่อลูกหวงของเล่น จะสอนอย่างไรให้รู้จักแบ่งปัน การหวงของเล่น ของใช้ หรือของกินเป็นเรื่องธรรมชาติของเด็กเล็ก เพราะพวกเขายังไม่เข้าใจแนวคิดการแบ่งปัน ไม่รู้ว่าทำไมต้องแบ่งของที่เป็นของตัวเองให้คนอื่น ซึ่งอาจนำไปสู่ความขัดแย้งหรือทะเลาะกัน โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กวัยเดียวกัน หรือพี่น้องที่อายุไล่เลี่ยกัน บางครั้งก็อาจเกิดความขัดแย้งระหว่างลูกและพ่อแม่ได้ด้วยเช่นกัน สิ่งสำคัญคือการสอนและฝึกฝนให้ลูกเข้าใจถึงการแบ่งปัน และรักษาสิทธิของตนเองอย่างเหมาะสม เพื่อให้พวกเขามีทักษะในการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมอย่างมีความสุข และมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เหตุผลที่ลูกหวงของเล่น คุณพ่อคุณแม่อาจเคยได้ยินคำพูดว่า “เด็กเปรียบเสมือนผ้าขาว” ที่ยังไม่เข้าใจโลก และกำลังเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบกายผ่านการทดลองด้วยตนเอง การหวงของเล่นหรือของใช้ก็เป็นหนึ่งในกระบวนการที่เด็กใช้เพื่อพิสูจน์ว่าของชิ้นนั้นเป็นของตนเอง โดยไม่เข้าใจว่าสิ่งของบางอย่างเป็นของส่วนตัว บางอย่างเป็นของคนอื่น และบางอย่างสามารถแบ่งปันกันได้ สำหรับเด็กวัย 2-3 ขวบ ความสามารถในการควบคุมความต้องการยังพัฒนาไม่เต็มที่ การใช้คำพูดอธิบายเรื่องการแบ่งปันอาจทำให้เด็กเข้าใจยาก พ่อแม่จึงควรเปิดโอกาสให้ลูกได้ทดลองและเรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริง โดยไม่บังคับ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการต่อต้านและพฤติกรรมหวงของเล่นที่ยาวนานกว่าเดิม Do & Don’t เปลี่ยนลูกหวงของเล่น เป็นเด็กรู้จักแบ่งปัน 1. สอนลูกเรื่องสิทธิในสิ่งของ ก่อนอื่นคุณพ่อคุณแม่ควรสอนให้ลูกรู้ว่าของสิ่งไหนคือของเขา และสิ่งไหนที่ไม่ใช่ของเขา โดยลูกจะหวงของเล่นที่เป็นของตัวเองได้เท่านั้น และถ้าลูกไม่ชอบที่คนอื่นแย่งของตัวเองไป ลูกจะต้องดูแลของของตัวเองให้ดียิ่งขึ้น และคนอื่นก็คงไม่ชอบเช่นกันถ้าลูกไปแย่งของใครมา 2. เคารพสิทธิของลูก เมื่อลูกได้เรียนรู้ถึงสิทธิในสิ่งของของตัวเองแล้ว อันดับต่อไปคือการสอนให้ลูกเคารพสิทธิของตัวเองและผู้อื่น การหวงของเล่นหรือสิ่งของเป็นเรื่องปกติของทุกคน ดังนั้น หากลูกต้องการที่หยิบสิ่งของของคนอื่นก็ควรขออนุญาตและบอกเหตุผลกับเจ้าของก่อน เช่นเดียวกันหากคุณพ่อคุณแม่จะหยิบของของลูกก็ควรขออนุญาตก่อนเช่นกัน […]