แม่ท้องต้องรู้ NIFTY TEST
การตรวจหาความผิดปกติของเบบี๋ในครรภ์
คุณแม่ตั้งครรภ์ที่อายุ 35 ปี ขึ้นไป มักมีโอกาสเสี่ยงต่อความผิดปกติของลูกในครรภ์มากขึ้น การตรวจ NIFTY TEST จึงเป็นวิธีตรวจกรองเพื่อหาความผิดปกติของโครโมโซมทารกในครรภ์ของคุณแม่ที่ได้รับความนิยมและได้ประสิทธิภาพสูงสุดในปัจจุบัน Cotton Baby จะพามาทำความรู้จักการตรวจ NIFTY TEST กันว่าคืออะไร แล้วคุณแม่ตั้งครรภ์ทุกคนจำเป็นต้องตรวจ NIFTY TEST หรือไม่ ไปดูกันเลยค่ะ
รู้จัก NIFTY TEST คืออะไร?
NIFTY TEST (NIFTY: Non-Invasive Fetal Trisomy test) การตรวจนิฟตี้ คือ วิธีการตรวจเพื่อค้นหาลักษณะความผิดปกติของโครโมโซมทารกในครรภ์ของคุณแม่ โดยไม่ต้องเจาะน้ำคร่ำ ซึ่งการเจาะน้ำคร่ำเป็นวิธีเดิมในสมัยก่อนที่ใช้ตรวจก่อนจะเป็น NIFTY TEST ค่ะ
การตรวจ NIFTY TEST เป็นการเจาะเลือดของคุณแม่เพียง 10 มิลลิลิตร ในอายุครรภ์ตั้งแต่ 10 – 24 สัปดาห์ มาประเมินโอกาสเสี่ยงที่ทารกในครรภ์จะมีโครโมโซมผิดปกติ โดยเฉพาะในกลุ่มอาการดาวน์ หรือ Down Syndrome ซึ่งหลักการทำงานของ NIFTY TEST คือการตรวจวิเคราะห์ปริมาณ DNA ที่อยู่ในเลือดของคุณแม่ ผ่านเทคโนโลยี high-throughput DNA sequencing
การตรวจ NIFTY TEST ครอบคลุมอะไรบ้าง?
การตรวจ NIFTY TEST จะเน้นกลุ่มความผิดปกติที่มักพบบ่อย ได้แก่ กลุ่มดาวน์ซินโดรม (Down syndrome), กลุ่มอาการเอ็ดเวิร์ด (Edwards Syndrome), กลุ่มอาการดาวน์พาทัวซินโดรม Patau syndrome รวมถึงยังสามารถตรวจความผิดปกติอื่น ๆ ได้ เช่น ความผิดปกติของโครโมโซมเพศ
ความแม่นยำของการตรวจแบบ NIFTY TEST
NIFTY TEST มีความไวในการตรวจหาโรคถึง 99% เมื่อเทียบกับวิธีเจาะน้ำคร่ำร่วมกับการวิเคราะห์หาสารเคมีในเลือดที่มีความไวเพียง 60% จากการทดสอบในอาสาสมัครที่เป็นหญิงตั้งครรภ์ จำนวน 112,000 คน นอกจากนี้ยังพบว่า อัตราการตรวจผิดพลาดของ NIFTY TEST มีเพียง 0.1% แต่วิธีเจาะน้ำคร่ำมีความผิดพลาดถึง 5% เลยทีเดียว ทำให้ในปัจจุบันคุณแม่ตั้งครรภ์มากกว่า 400,000 คนทั่วโลก เลือกที่จะใช้การตรวจ NIFTY TEST เพื่อหาความผิดปกติทางพันธุกรรมของลูก
ข้อดีของการตรวจแบบ NIFTY TEST
- NIFTY TEST เป็นการตรวจคัดกรองที่มีประสิทธิภาพสูงมาก และครอบคลุมกลุ่มอาการผิดปกติของทารกได้มากกว่าร้อยละ 99 เมื่อเทียบกับวิธีการอื่น
- การตรวจกรองวิธีอื่นให้ผลบวกลวง ร้อยละ 5 แต่การตรวจแบบ NIFTY TEST มีโอกาสเกิดผลบวกลวงต่ำกว่า หรือน้อยกว่าร้อยละ 0.1 ช่วยลดทั้งความกังวลของคุณแม่ และจำนวนการเจาะน้ำคร่ำโดยไม่จำเป็น
- ในกรณีที่ตรวจ NIFTY TEST แล้วให้ผลบวก โอกาสที่ทารกมีโครโมโซมผิดปกติจะมากกว่าร้อยละ 99
- ในกรณีที่ตรวจ NIFTY TEST แล้วให้ผลลบ โอกาสที่ทารกจะเป็นกลุ่มอาการดาวน์มีน้อยมาก (น้อยกว่าร้อยละ 1)
- การตรวจ NIFTY TEST ตรวจหาความผิดปกติของโครโมโซมชนิดอื่นได้
- NIFTY TEST ไม่เสี่ยงอันตรายต่อทารกในครรภ์ เพราะเป็นการเจาะเลือดของคุณแม่
คุณแม่ตั้งครรภ์ทุกคนจำเป็นต้องตรวจ NIFTY TEST หรือไม่?
คุณแม่ตั้งครรภ์สามารถทำการตรวจ NIFTY TEST ได้ทุกราย นอกจากนี้ยังครอบคลุมไปถึงการตั้งครรภ์ในรูปแบบ ครรภ์แฝด อุ้มบุญ และ Vanishing Twin แต่หากคุณแม่ตั้งครรภ์มีข้อบ่งชี้ตามต่อไปนี้ แพทย์อาจพิจารณาให้เข้ารับการตรวจ NIFTY TEST
- คุณแม่ตั้งครรภ์ในอายุ 35 ปี ขึ้นไป
- แพทย์ตรวจพบความผิดปกติของทารก ที่อาจมีความเสี่ยงต่อโรคพันธุกรรม
- มีสภาวะเสี่ยงที่ไม่เหมาะต่อการตรวจด้วยวิธีเจาะน้ำคร่ำ เช่น ภาวะแท้งบุตรง่าย ภาวะรกเกาะต่ำหรือรกของทารกนั้นมาเกาะอยู่บริเวณส่วนล่างของมดลูกใกล้กับปากมดลูก หรือคุณแม่ท้องติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบีหรือซี (HBV, HCV infection)
- มีประวัติความผิดปกติทางพันธุกรรมของทารกชนิด Trisomy จากการตั้งครรภ์ครั้งก่อน
- มีภาวะแท้งซ้ำซ้อน หรือเข้ารับรักษาภาวะมีบุตรยาก ด้วยวิธี IVF หนึ่งทางเลือกสำหรับคู่รักที่พยายามเท่าไหร่ก็ไม่ท้องสักที
- คนในครอบครัวมีประวัติป่วยเป็นโรคที่ผิดปกติทางพันธุกรรม
- ต้องการตรวจยืนยันผลความผิดปกติทางพันธุกรรมของทารก จากการตรวจครั้งแรกด้วยวิธีอื่น
การเตรียมตัวเข้ารับการตรวจ NIFTY TEST ก็เหมือนกับการตรวจสุขภาพทั่วไป ไม่จำเป็นต้องงดน้ำหรืออาหาร แพทย์จะซักประวัติ และทำการเจาะเลือดของคุณแม่ เพื่อส่งไปวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ ซึ่งผลตรวจ NIFTY TEST จะทราบผลได้ภายในระยะเวลาประมาณ 10 วัน เมื่อผลออกแล้วแพทย์จะนัดมาฟัง และให้คำปรึกษาที่เหมาะสมในแต่ละเคส
การตรวจ NIFTY TEST ให้ผลได้ไว แม่นยำ และเจ็บน้อยกว่าวิธีอื่น ๆ แต่ก็ตามมาด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงเช่นกัน (ราคาสำหรับโรงพยาบาลอยู่ในหลัก 10,000 บาท+ หรือ 8,000-9,000 บาท สำหรับคลินิกบางที่) การตรวจ NIFTY TEST จึงขึ้นอยู่กับความจำเป็นของแต่ละคนว่าเข้าข่ายมีความเสี่ยงหรือไม่ ทั้งนี้คุณแม่สามารถปรึกษากับแพทย์ก่อนตัดสินใจจะดีกว่านะคะ