การเลือกซื้อ Car Seat ให้เหมาะสมกับวัยของลูกน้อย
Car Seat (คาร์ซีท) คือ อุปกรณ์สำคัญ ที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อความปลอดภัยระหว่างการเดินทางของลูกน้อย และช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สบายใจระหว่างการเดินทางได้มากยิ่งขึ้น แต่ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อนี่สิ… คุณพ่อคุณแม่จะต้องรู้รายละเอียดของ Car Seat ที่ถูกออกแบบการใช้งานมาให้เหมาะสมกับเด็กในแต่ละช่วงวัยก่อนนะ ว่าแต่จะมีกี่แบบ แบบไหนบ้าง และอายุเท่าไหร่ควรใช้แบบไหน ไปดูพร้อม ๆ กันเลยดีกว่า
ประเภทของ Car Seat
ประเภท Car Seat สำหรับเด็ก มีทั้งหมด 4 แบบ คือ
1.Rear – Facing Seat : Car Seat แบบนั่งหันหน้าเข้าเบาะ หรือหันไปทางด้านหลังรถ สามารถปรับเอนกับที่นั่งได้ สำหรับเด็กวัยแรกเกิด กระดูกมีความยืดหยุ่นสูง ความแข็งแรงไม่เท่ากับกระดูกของผู้ใหญ่ ควรให้ลูกนั่ง Car Seat แบบหันหน้าไปทางเบาะหลังมากที่สุด จนกว่าน้ำหนักและส่วนสูงของลูก จะเกินกว่าที่ Car Seat สามารถรองรับได้
2.Forward – Facing Seat : Car Seat แบบหันหน้าไปทางเดียวกับเบาะหน้า หรือหันไปทางข้างหน้ารถ เมื่อน้ำหนัก และส่วนสูงของลูก เกินกว่าที่ Car Seat แบบหันหน้าเข้าหาเบาะ (Rear – Facing Seats) จะรับไหว ให้เปลี่ยนมานั่งแบบหันไปทางเบาะหน้า โดยใช้สายรัดตัวเด็กที่ติดตั้งมากับ Car Seat และติดตั้งให้ถูกต้อง
3.Combination Seat : Car Seat แบบผสม หันได้ทั้งด้านหน้า และด้านหลังรถ
เมื่อลูกเริ่มโตขึ้น กระดูกคอและหลัง จะเริ่มแข็งแรง สามารถนั่ง Car Seat แบบหันหน้าไปด้านหน้ารถ (Forward – Facing Seat) ได้แล้ว แต่ Car Seat แบบผสม (Combination Seat) จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ประหยัดงบได้ เรียกได้ว่า ซื้อครั้งเดียว ใช้งานไปได้อีกหลายปีเลยล่ะ
4.Booster Seat : Car Seat แบบเบาะนั่งเสริมความสูง มีทั้ง Highback-Booster และ Backless-Booster
Highback – Booster แบบมีพนักพิงด้านหลัง ช่วยให้เด็กรู้สึกสบายเวลานั่ง และ Backless – Booster แบบไม่มีพนักพิงด้านหลัง ซึ่ง Car Seat ประเภท Booster จะเป็นขั้นสุดท้าย ก่อนที่ลูกจะเข้าสู่ช่วงโตเต็มวัย แล้วสามารถใช้เข็มขัดนิรภัย (Seat Belt) ในรถยนต์ได้
เลือกซื้อ Car Seat ให้เหมาะกับเด็กในแต่ละวัย
คาร์ซีทสำหรับเด็กแรกเกิด – 3 ขวบ เหมาะกับ Rear – Facing Seat แบบนั่งหันหน้าเข้าเบาะ หรือแบบ Combination Seat (หันได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลังรถ) สามารถปรับเอนที่นั่งได้ เหมาะสำหรับเด็กที่มีน้ำหนักตัวไม่เกิน 10 กก. สามารถป้องกันศีรษะ ลำคอ และกระดูกสันหลัง ได้เป็นอย่างดี
คาร์ซีทสำหรับเด็กอายุ 2 ขวบ – 7 ขวบ เหมาะกับ Forward – Facing Seat หรือ แบบ Combination Seat (หันได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลังรถ) เหมาะสำหรับเด็กที่มีน้ำหนักตัวเกิน 9 กก. โดยสายรัดนิรภัยตรงหน้าอก ออกแบบมาเพื่อให้สายรัดขนานไปกับลำตัว หากเกิดอุบัติเหตุ จะช่วยป้องกันการกระแทกจากด้านข้าง ทั้งศีรษะและลำตัว
คาร์ซีทสำหรับเด็กอายุ 4 ขวบ – 12 ขวบ เหมาะกับ Booster Seat สำหรับเด็กที่มีน้ำหนักตัว 15 – 18 กก. ควรให้ลูกนั่ง Booster Seat จนถึงอายุ 12 ขวบ หรือจนกว่าความสูง และน้ำหนักของลูกเกินกว่าที่จะรองรับได้ เพื่อความปลอดภัยที่สุดในการเดินทาง ซึ่งสามารถนั่งได้ 2 แบบ
- Highback – Booster หากลูกตัวใหญ่ มากกว่าที่สายรัดจะรัดได้ ควรให้นั่งเบาะประเภทนี้ สังเกตได้จาก ศีรษะ ว่าสูงเกินกว่าเบาะที่นั่งหรือเปล่า (โดยปกติจะอยู่ที่อายุช่วง 4 – 6 ปี) เพราะ Car Seat แบบ Highback – Booster มีพนักพิงหลัง ช่วยป้องกันการกระแทกส่วนของศีรษะ และหลังได้ดี
- Backless – Booster เมื่อลูกอายุ 6 ขวบ หรือเมื่อไหร่ก็ตาม ที่สามารถนั่งตัวตรงได้แล้ว คุณพ่อคุณแม่สามารถให้ลูกนั่ง Backless – Booster แบบไม่มีพนักพิงด้านหลังได้
สำหรับเด็กอายุ 8 ปีขึ้นไป สามารถเริ่มใช้เข็มขัดนิรภัย (Seat Belt) ได้ เมื่อลูกมีความสูงประมาณ 150 ซม. (ประมาณ 8 ขวบ) และน้ำหนักตัวมากกว่า 20 กก. หรือเมื่อไหร่ก็ตามที่ ขาและเข่า สามารถนั่งห้อยขาได้กับเบาะที่นั่งรถอย่างพอดี หรือสามารถนั่งตัวตรง หลังพิงพนักได้ตรงพอดี นี่แหละสัญญาณที่บอกว่าลูกของคุณสามารถใช้ Seat Belt ได้
เห็นไหมล่ะว่า Car Seat เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญและจำเป็น คุ้มค่าแก่การลงทุนสุด ๆ แต่อย่างไรก็ตาม คุณพ่อคุณแม่ควรให้ลูกนั่ง Car Seat จนถึงแบบเบาะนั่งเสริม (Booster Seat) จนกว่าที่อายุ ขนาดตัว หรือส่วนสูงของลูก จะเหมาะสมกับการใช้เข็มขัดนิรภัยในรถยนต์ ถ้ายังไม่รู้ว่าจะซื้อยี่ห้อไหนดี เราได้รวบรวมข้อมูลพร้อมเทคนิคการซื้อไว้ให้แล้ว คลิกอ่านเลย ทีนี้ขับรถไปไหนหายห่วงได้นอกจากจะเพื่อความปลอดภัยในการเดินทางของลูกแล้ว ยังเป็นการเพิ่มความสบายใจให้กับคุณพ่อคุณแม่อีกด้วย