ต้องระวัง! ผัวเมียทำงานที่เดียวกัน
วิธีรักษาความสัมพันธ์ให้ยั่งยืน
คู่รักที่แต่งงานกันนอกจากจะเป็นหุ้นส่วนชีวิตกันแล้ว ยังมีบางคู่ที่มีตำแหน่งเพื่อนร่วมงานอีกด้วย แล้วผัวเมียทำงานที่เดียวกันจะมีเรื่องไหนบ้างที่ต้องระมัดระวังเพื่อรักษาบาลานซ์ในความสัมพันธ์ให้เหมาะสม และมีความสุขทั้งที่บ้านและที่ทำงาน ไปดูกันเลย
5 ข้อต้องระวัง เมื่อเป็นคู่ผัวเมียทำงานที่เดียวกัน
1.พื้นที่ส่วนตัวในที่ทำงาน
พื้นที่ส่วนตัวเป็นสิ่งสำคัญที่จะมองข้ามไม่ได้เด็ดขาดสำหรับผัวเมียที่ทำงานด้วยกัน เพราะคู่รักใช้เวลาอยู่ด้วยกันแทบจะตลอดเวลา ไม่ว่าจะเดินทางไป – กลับ ทานอาหาร หรือทำกิจกรรมอื่น ๆ ฉะนั้น เมื่อถึงเวลาที่ต้องการความเป็นส่วนตัวโดยเฉพาะในเวลาทำงาน คู่รักจึงต้องเคารพพื้นที่ของกันและกัน ไม่ก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวของกันและกันจนเกินไป
2.คุยกันเรื่องงาน
เมื่อผัวเมียทำงานที่เดียวกันย่อมเป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องคุยเรื่องงานกันมากกว่าปกติ แต่สิ่งที่ต้องระวังคือ การนำเรื่องของการทำงานกลับบ้านไปด้วย เพราะการคุย หรือแม้แต่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับงาน อาจสร้างความอึดอัดใจหรือเหนื่อยใจให้กับอีกฝ่าย คู่รักจึงต้องแยกแยะให้ได้ว่าเรื่องใดควรพูดกันในเวลาใด ไม่เอาทั้งสองเรื่องมาพูดคุยปะปนตลอดเวลาจนทำให้บรรยากาศความเป็นคู่รักจืดจางลง
3.อิทธิพลในที่ทำงาน
อำนาจที่เหลื่อมล้ำกันในที่ทำงานเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากสำหรับผัวเมียทำงานที่เดียวกัน โดยเฉพาะเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นหัวหน้า การเคารพให้เกียรติ การวางตัว รวมถึงการแสดงออกต่อกันและกันล้วนส่งผลต่อความสัมพันธ์ อีกทั้งยังส่งผลต่อทัศนคติของเพื่อนร่วมงานที่อาจเข้าใจว่าความสัมพันธ์นั้นมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจในหน้าที่การงานของอีกฝ่าย
4.ความเป็นมืออาชีพ
ขาดไปไม่ได้เลยสำหรับผัวเมียที่ทำงานด้วยกัน ความเป็นมืออาชีพเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องมีเพื่อรักษาช่องว่างไม่ให้ความเป็นเพื่อนร่วมงานและความเป็นสามีภรรยาส่งผลกระทบต่อกัน ผัวเมียที่ทำงานด้วยกันต้องมีอิสระในการแสดงความคิดเห็นด้านการทำงาน แต่ก็ต้องระวังไม่ให้การแสดงความเห็นต่างส่งผลด้านลบต่อความสัมพันธ์ในครอบครัวได้
5.เรื่องไม่ใช่ของเรา อย่าเก็บเอามาใส่ใจ
ปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อผัวเมียทำงานที่เดียวกัน คือ การเก็บเอาบางเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับเราทั้งคู่เข้ามาขยายความต่อในบ้านจนส่งผลให้เสียบรรยากาศการใช้เวลาส่วนตัวไป คู่รักควรจัดการทิ้งเรื่องไม่เป็นเรื่องในที่ทำงานเอาไว้แค่ที่ทำงาน ไม่เก็บมาคิดเล็กคิดน้อยต่อที่บ้านจนทำให้เส้นแบ่งระหว่างเวลางานกับเวลาส่วนตัวหายไป
5 วิธี Keep ความสัมพันธ์ไม่ให้พังพินาศ
1.สวมหมวกทีละใบ
ในชีวิตจริง การแยกบทบาทให้เด็ดขาดคงทำได้ยาก แต่ผัวเมียทำงานด้วยกันก็จำเป็นต้องรู้ตัวว่าตอนนี้บทบาทหลักคืออะไร กำลังสวมหมวกใบไหนอยู่ เมื่ออยู่ที่ทำงานมีบทบาทตามตำแหน่งหน้าที่เป็นสำคัญ หากตั้งใจทำงานให้ดีและวางตัวได้เหมาะสมก็จะไม่มีใครมาว่าให้ทั้งคู่เสียหายได้ เมื่ออยู่ที่บ้านก็ต้องทำตามบทบาทหน้าที่ของคู่รัก และจำไว้ว่าเรื่องที่ทำงานกับเรื่องที่บ้านต้องแยกออกจากกันให้ดี อย่านำมาถกเถียงกันในทุกที่ให้สับสนปนเป
2.ให้เกียรติกัน
การให้เกียรติคู่รักของเราต่อหน้าคนอื่นเป็นเรื่องสำคัญโดยเฉพาะในที่ทำงาน การแสดงความรักของผัวเมียทำงานที่เดียวกันต้องเป็นไปอย่างพอเหมาะ ไม่แสดงออกมากเกินไปจนเพื่อนร่วมงานเอียน และต้องรู้ว่าอะไรควรพูดหรือไม่ควรพูด ควรให้เกียรติซึ่งกันและกันทั้งต่อหน้าและลับหลัง
3.ส่งเสริมเกื้อกูล
การเกื้อกูลกันที่ดีที่สุดสำหรับผัวเมียทำงานที่เดียวกัน คือ การที่ต่างฝ่ายต่างโฟกัสงานและรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองให้ดี ไม่ก้าวก่ายงาน หรือคอยตามติดอีกฝ่ายจนไม่มีเวลาทำอะไรเป็นของตัวเอง เพราะการเข้าไปยุ่งกับงานของอีกฝ่ายมากไปอาจทำให้เพื่อนร่วมงานไม่นับถือและเอาไปพูดในทางเสียหายได้
4.ไม่ต้องทำทุกอย่างด้วยกันเสมอ
ผัวเมียทำงานที่เดียวกันได้เปรียบตรงที่มีเวลาอยู่ด้วยกันมากกว่าคู่อื่น แต่ไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างด้วยกันเสมอ ควรมีระยะห่างต่อกันบ้างเป็นบางโอกาส เพราะระยะห่างจะช่วยสร้างพื้นที่ส่วนตัวให้คู่รักไม่รู้สึกอึดอัด และมีเวลาทำอะไรเป็นของตัวเอง ซึ่งจะช่วยให้ความสัมพันธ์ดำเนินไปได้อย่างราบรื่น
5.ห้ามค้างคา ต้องเคลียร์กัน
ผัวเมียทำงานด้วยกันอาจมีโอกาสเจอกับเรื่องน่าอึดอัดใจมากกว่าคู่อื่นๆ เพราะไหนจะเรื่องจากที่ทำงาน ไหนจะเรื่องที่บ้านที่สร้างความปวดหัวให้ไม่เว้นแต่ละวัน คู่รักที่ทำงานด้วยกันจึงต้องมีวิธีคุยและเคลียร์เรื่องต่าง ๆ กันอย่างประนีประนอม ไม่ปล่อยให้เรื่องต่าง ๆ บานปลายเป็นเรื่องใหญ่ หรือเอาทั้งสองเรื่องมาถกเถียงปนกันจนความสัมพันธ์แย่ลงได้
คู่รักที่เป็นผัวเมียทำงานที่เดียวกัน แม้ว่าจะมีเวลาใกล้ชิดกันมากกว่าคู่อื่นแต่ต้องระวังเป็นพิเศษในเรื่องการวางตัวให้เหมาะสม มิเช่นนั้น บทบาทหน้าที่การงานอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ได้ ควรหยุดพักเรื่องงานเมื่ออยู่บ้านต้องสวมหมวกกลับมาเป็นผัวเมียกัน เติมความรักต่อกัน แล้วเมื่อถึงเวลางานก็ค่อยกลับไปสู่การทำงานอีกครั้ง และแยกแยะบทบาททั้งสองออกจากกันให้ดี
