เหตุผลดี ๆ ที่พ่อแม่ควรรู้ของการเลี้ยงลูกให้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้วล่ะค่ะว่าการเลี้ยงลูกเป็นอะไรที่ต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ (Science สิ่งที่เป็นเหตุเป็นผล Art สิ่งที่ใช้ความรู้สึกและประสบการณ์) ซึ่งพ่อแม่เองก็คงจะเคยได้ยินเกี่ยวกับ “การเลี้ยงลูกให้อยู่กับธรรมชาติ” กันมาบ้าง แล้วเคยสงสัยกันไหมคะว่าทำไมเราต้องให้ลูกอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติด้วย มาค่ะวันนี้ Cotton Baby จะพาไปสัมผัสถึงข้อดีของการเลี้ยงลูกให้อยู่กับธรรมชาติกัน
รักวัวให้ผูก แต่ถ้า “รักลูกให้อยู่กับธรรมชาติ”
มีสิ่งหนึ่งที่เรามักจะสังเกตได้อย่างชัดเจนเลยก็คือ ความแตกต่างของสุขภาพกายและจิตใจ ระหว่างเด็กที่เติบโตมาจากสังคมต่างจังหวัด กับ เด็กที่เติบโตมาในสังคมเมือง โดยเด็กในสังคมเมืองค่อนข้างที่จะอ่อนแอ เป็นโรคภัยไข้เจ็บได้ง่ายกว่า มีภูมิคุ้มกันร่างกายน้อยกว่าเด็กที่เติบโตในสังคมต่างจังหวัด เช่นเดียวกับทางด้านสุขภาพจิตใจ ซึ่งเด็กในสังคมเมืองจะค่อนข้างมีความเคร่งเครียดมากกว่า ทำให้เด็กในสังคมเมืองมักจะมีสุขภาพกายและจิตใจที่อ่อนแอกว่าเด็กในสังคมต่างจังหวัด
เด็กสังคมเมือง VS เด็กสังคมต่างจังหวัด
เด็กที่เติบโตในสังคมเมือง ส่วนใหญ่จะอยู่ในสภาวะสิ่งแวดล้อมที่สะอาดมากเกินไป และเมื่อเด็กอยู่แต่ในพื้นที่ที่สะอาดบ่อย ๆ ก็จะทำให้มีปัญหาสุขภาพตามมา เพราะร่างกายเขาไม่เคยทำความรู้จักกับเชื้อโรคเลย จึงเป็นผลให้ร่างกายไม่มีภูมิป้องกันเชื้อโรค และยังส่งต่อเป็นผลพวงทำให้ระบบภูมิคุ้มกันหันมาทำให้เด็กเป็นโรคภูมิแพ้แทนนั่นเองค่ะ
*โดยระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย มีหน้าที่คือการต่อสู้กับเชื้อโรคต่าง ๆ เช่น แบคทีเรีย ไวรัส หรือ ปรสิตต่าง ๆ รวมถึงการทำปฏิกิริยากับสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ทำให้เราเกิดอาการแพ้
รวมถึงสภาพแวดล้อมของเด็กที่เติบโตในสังคมเมือง มักจะแวดล้อมไปด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือของเล่นทางวัตถุต่าง ๆ ที่มีผลกระทบต่อภาวะทางอารมณ์ หรือแม้กระทั่งการคร่ำเคร่งกับเรื่องเรียนมากเกินไป เช่น เรียนพิเศษ หรือทำกิจกรรมตามที่พ่อแม่ให้ทำ ส่งผลให้เกิดภาวะปัญหาทางอารมณ์และพฤติกรรมมากกว่าเด็กสังคมต่างจังหวัด
ลองคิดดูสิคะว่า ถ้าลูกอยู่ในสังคมเมืองที่ไกลจากการสัมผัสธรรมชาติ จะเป็นอย่างไร?
- ร่างกายไม่มีภูมิป้องกันเชื้อโรค อาจเสี่ยงต่อการเป็นโรคภูมิแพ้
- สุขภาพจิต สมองผลิตสารความสุข Serotonin น้อยลง จนอาจกลายเป็นโรคซึมเศร้าได้
ฉะนั้น เราจึงอยากแนะนำให้เด็ก ๆ ได้สัมผัสกับธรรมชาติบ้าง เพราะธรรมชาติมีจุลินทรีย์ที่ช่วยเรื่องระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้เด็กมีจิตใจที่ละเอียดอ่อนและอ่อนโยน เข้าใจคนรอบข้างมากขึ้น แต่ก็ไม่ต้องถึงขั้นให้เด็กไปเสี่ยงสัมผัสกับเชื้อโรคโดยตรงนะคะ เพียงปล่อยให้เขาได้เล่นนอกบ้านบ้าง สัมผัสธรรมชาติ ก้อนหิน ดิน ทราย หรือต้นไม้ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันได้ทำงานตามความเหมาะสม รวมถึงเป็นการให้เด็กได้โดนแดดโดนลมไปด้วยในตัว จะได้มีภูมิต้านทานที่แข็งแรงค่ะ
แนะนำกิจกรรมครอบครัวที่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ
กิจกรรมสร้างบ้านดิน
เป็นการสร้างบ้านโดยใช้วัสดุธรรมชาติอย่าง ‘ดิน’ เป็นหลัก ก่อให้เกิดความสามัคคีในครอบครัว รู้จักวางแผน และสานสัมพันธ์ระหว่างเด็กกับพ่อแม่ นับเป็นหนึ่งในกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อเชื่อมโยงและสัมผัสสัมพันธ์กับธรรมชาติเป็นอย่างดี
กิจกรรมทำผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร
การทำผลิตภัณฑ์สบู่เหลว หรือน้ำยาล้างจานจากสมุนไพร นอกจากช่วยให้เกิดความสนุกสนานในครอบครัวแล้ว เด็ก ๆ ยังได้เรียนรู้ สังเกต และลงมือทำร่วมกัน โดยสามารถนำไปใช้ได้เองในครัวเรือนอีกด้วยค่ะ
พาไปสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ชิดธรรมชาติ
การพาเด็ก ๆ ไปสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ชิดธรรมชาติจะทำให้ได้ปลดปล่อยจินตนาการและเสริมสร้างพัฒนาการ พร้อมได้เล่นสนุกกลางแจ้ง สัมผัสธรรมชาติไปกับบ้านต้นไม้ สนามเด็กเล่น บ่อทราย และอีกหลากหลายกิจกรรมในแต่ละแหล่งท่องเที่ยวอีกด้วย
รู้แบบนี้แล้วอย่าลืมพาเด็ก ๆ ออกไปเล่นข้างนอกเพื่อสัมผัสธรรมชาติกันบ้างนะคะ แต่ก็อย่างว่า…ช่วงนี้มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อยู่ พ่อแม่จะต้องระวังเรื่องความสะอาดของเด็ก ๆ เป็นพิเศษเลยล่ะค่ะ (เห็นไหมคะว่าการเลี้ยงลูกนี่ใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์จริง ๆ) อย่างไรก็พาลูกเล่นอย่างระมัดระวังกันด้วยนะคะ
สำหรับพ่อแม่ หรือบุคคลทั่วไปที่อยากหาความรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยีที่เนื้อหาทันสมัย ละเอียด เข้าใจง่าย สามารถเข้าไปหาความรู้ได้ที่ คลังความรู้ Scimath สสวท. มีหลากหลายอย่างให้เลือกดูเลย ทั้งบทความ บทเรียน วีดิทัศน์ โครงงาน E-books และอื่น ๆ อีกมากมาย