วิธีดูแลรักษาแผลผ่าคลอดอย่างถูกต้อง ยุบไว หายเร็ว ไม่ติดเชื้อ
คุณแม่ที่ผ่าคลอดน้องมา มักจะมีแผลผ่าคลอดตามมาด้วย ซึ่งจะต้องใช้เวลากว่าที่แผลจะสมานตัวกันจนหายสนิท วันนี้ Cotton Baby เลยมีเคล็ดลับวิธีดูแลแผลผ่าคลอดอย่างถูกต้องมาฝากกัน รับรองว่าทำตามนี้แผลจะไม่เสี่ยงติดเชื้อ พร้อมผิวกลับมาเนียน สวย แน่นอนค่ะ
แผลผ่าคลอดมี 2 แบบ
แผลผ่าคลอด หลัก ๆ แล้ว แผลผ่าคลอดจะมีด้วยกัน 2 แบบ คือ ผ่าคลอดแนวตั้ง และผ่าคลอดแนวนอน
- ผ่าคลอดแนวตั้ง เป็นการลงแผลแนวดิ่ง ผ่าบริเวณต่ำกว่าสะดือยาวลงมาบริเวณหัวหน่าว วิธีผ่าคลอดแบบนี้เหมาะกับการคลอดก่อนกำหนด หรือการผ่าคลอดที่จำเป็นต้องนำเด็กออกมาโดยเร็ว
- ผ่าคลอดแนวนอน เป็นการลงแผลแนวขวาง บริเวณเหนือหัวหน่าวประมาณ 2 – 3 เซนติเมตร วิธีผ่าคลอดแบบนี้เหมาะกับคุณแม่ที่มีรูปร่างอ้วน เพราะไขมันตรงหน้าท้องจะไม่บังมาก เย็บแผลได้ง่ายกว่า และปวดแผลหลังผ่าตัดน้อยกว่าแบบแนวดิ่ง แต่แผลผ่าคลอดแนวนอนเป็นบริเวณที่ชื้น อาจทำให้ติดเชื้อได้ง่าย ต้องดูแลอย่างถูกวิธี
แผลผ่าคลอดจะหายเมื่อไหร่ ?
โดยปกติแล้วผิวหนังจะสมานตัวภายในเวลาประมาณ 5 – 10 วัน ส่วนชั้นกล้ามเนื้อช่วงผนังหน้าท้องจะใช้เวลาสมานตัวประมาณ 4 – 6 สัปดาห์ และกล้ามเนื้อมดลูกที่อยู่ลึกลงไป จะใช้เวลาประมาณ 12 สัปดาห์ แผลผ่าคลอดจึงจะหายสนิท แต่ก็ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและวิธีดูแลแผลผ่าคลอดของคุณแม่แต่ละคนด้วยนะคะ ถ้าดูแลดีก็อาจจะหายไวได้ค่ะ
แผลผ่าคลอดจะกลายเป็นคีลอยด์ได้ไหม ?
เป็นอีกหนึ่งในเรื่องที่คุณแม่หลายคนกังวลว่าแผลผ่าคลอดจะกลายเป็นคีลอยด์หรือแผลเป็นนูนหรือเปล่า ซึ่งการเกิดแผลเป็นนี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นอายุ (คนที่อายุยังน้อยร่างกายมีโอกาสที่จะสร้างพังผืดได้เยอะกว่าคนที่อายุมาก) ผิวของคนเอเชียทำให้เกิดคีลอยด์ได้มากกว่า รวมไปถึงการดูแลตัวเองหลังคลอดก็เกี่ยวเช่นกันค่ะ หากดูแลอย่างถูกวิธีก็เลี่ยงไม่ให้เกิดแผลเป็นนี้ได้
รู้แบบนี้แล้วคุณแม่ยิ่งต้องหมั่นคอยดูแล รักษา และสังเกตลักษณะแผลผ่าคลอดอยู่ตลอดนะคะ หลัก ๆ แล้วลองสังเกตดูตามนี้ก็ได้ค่ะ
- ถ้าแผลเป็นเกิดนูนแดง กลายเป็นแผลขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ นั่นคือ คีลอยด์
- สังเกตอาการแผลผ่าคลอดติดเชื้อ หากมีอาการดังต่อไปนี้ควรรีบพบคุณหมอนะคะ
เจ็บแผลผ่าตัดมากขึ้น
ที่แผลมีรอยแดง บวม หรือมีเลือดซึมจากแผลผ่าตัด
มีหนองสีเขียวหรือสีเหลืองไหลออกมาจากแผล
ปวดท้องมาก
มีไข้ขึ้นสูงกว่า 38 องศาเซลเซียส
ไอ หายใจลำบาก ปวดบวมที่ขา
ปัสสาวะแสบขัด
ตกขาวมีกลิ่นไม่พึงประสงค์
น้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็นหรือมีเลือดไหลแบบชุ่ม ทั้งที่น้ำคาวปลาสีจางลงไปแล้ว
(น้ำคาวปลา เป็นของเหลวที่ถูกขับออกมาทางช่องคลอดหลังจากคลอดลูก ลักษณะคล้ายประจำเดือน)
วิธีดูแลรักษาแผลผ่าคลอดที่ถูกต้อง หายไว ป้องกันการติดเชื้อ
หมั่นดูแลรักษาแผลผ่าคลอดให้ดี เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
แผลผ่าคลอดต้องคอยหมั่นล้างแผลและทำความสะอาดผิวอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะผิวบริเวณเชิงกราน และควรล้างมือก่อนสัมผัสแผลทุกครั้ง หากคุณแม่อาการปวดตึงแผล สามารถใช้ผ้ายางยืดแผลผ่าตัดไม่ให้ถูกดึงรั้งจากผนังหน้าท้องได้ หากจำเป็นต้องใช้ยาสำหรับรักษาแผลผ่าคลอด ควรปรึกษาคุณหมอก่อนค่ะ
ใส่ใจเรื่องความสะอาดของแผลผ่าตัด ช่วยป้องกันการติดเชื้อ
สำหรับแผลผ่าคลอดในระยะแรกจะยังโดนน้ำไม่ได้เด็ดขาด เพื่อป้องกันการติดเชื้อและอักเสบ ให้ใช้วิธีเช็ดตัวประมาณ 7 วัน หลังจากคุณหมอตัดไหมแล้วจึงอาบน้ำได้ตามปกติ แนะนำให้เลือกใช้สบู่ที่มีฤทธิ์อ่อน และไม่จำเป็นต้องถูสบู่บริเวณที่เป็นแผล ไม่ควรทาแป้งด้วยนะคะ หลังอาบน้ำเสร็จทุกครั้งให้ใช้ผ้าขนหนูสะอาด ซับแผลให้แห้งเสมอ
รู้จักเคลื่อนไหวร่างกายให้ถูกต้อง ช่วยให้แผลผ่าคลอดหายไว
แม้ว่าคุณแม่จะมีแผลผ่าคลอดที่เจ็บปวด แต่พยายามเคลื่อนไหว หมั่นเดินหรือพลิกตัวบ่อย ๆ นะคะ เพราะมีส่วนช่วยทำให้ลำไส้เคลื่อนไหวตัวได้ดีขึ้น รวมทั้งป้องกันการเกิดพังผืดที่มดลูกได้ ที่สำคัญต้องไม่ยกของหนักในช่วง 6 สัปดาห์แรกหลังผ่าคลอดนะคะ
มีแผลผ่าคลอดต้องเลือกสวมเสื้อผ้าให้เหมาะสม
เลือกสวมเสื้อผ้าและกางเกงชั้นในที่พอดีตัว ไม่หลวมและไม่รัดรูปจนเกินไป เพื่อป้องกันการเสียดสีโดนแผล และใช้ผ้ารัดหน้าท้องหลังคลอดจะช่วยพยุงกล้ามเนื้อ คอยช่วยพยุงหลัง ทำให้เวลาเดินไม่ค่อยเจ็บแผล
ทาครีมลดรอยแผลผ่าคลอด
ครีมทารอยแผลผ่าคลอดที่หาซื้อได้ทั่วไป จะเลือกที่มีส่วนผสมของเสตียรอยด์อ่อน ๆ หรือครีมที่มีส่วนผสมของวิตามินอีก็ได้ค่ะ สำหรับคุณแม่ที่เป็นกังวลว่าถ้าให้นมลูกอยู่จะเป็นอะไรไหม ซึ่งสามารถทาได้ปกติเลยค่ะ เพราะการทาครีมเป็นการใช้ยาเฉพาะที่ ไม่ส่งผลต่อน้ำนมอต่อย่างใด แต่ทั้งนี้ก็ควรปรึกษาคุณหมอก่อนใช้ยาทุกครั้งนะคะ
นอกจากปัญหาแผลผ่าคลอดที่คุณแม่เป็นกังวลแล้ว ปัญหาหน้าท้องแตกลายก็ตามมาติด ๆ เพราะทำให้เราเกิดความไม่มั่นใจ เรามี ทริคควรรู้ก่อนซื้อครีมทาท้องลาย เพื่อผิวสวยไม่แตกลายหลังคลอด มาบอกกันด้วยค่ะ