เด็กหลอดแก้ว Reciprocal เติมเต็มความอบอุ่นให้ครอบครัว LGBTQ+
คู่รักหลายคู่ต้องการที่จะมีทายาทสืบทอดต่อไป แต่อาจเผชิญปัญหาด้านสุขภาพจึงทำให้ไม่สามารถมีพยานรักได้ หรือแม้แต่ครอบครัว LGBTQ+ อย่างคู่รักเลสเบี้ยน ที่ถูกตีตราตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่สามารถให้กำเนิดลูกได้เอง เนื่องจากเงื่อนไขของการผสมพันธุ์ แต่ปัจจุบันนวัตกรรมได้พัฒนาขึ้นอย่างมากซึ่งได้ลบล้างข้อครหาให้กับครอบครัวที่มีปัญหาเรื่องทายาทให้สามารถตั้งครรภ์ได้แล้ว ผ่านการทำ ‘เด็กหลอดแก้ว’
‘เด็กหลอดแก้ว’ หรือ In Vitro Fertilization (IVF) คือ การใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ ผ่านการนำไข่และอสุจิมาผสมกัน หรือที่เรียกว่า ‘การปฏิสนธิภายนอกร่างกาย’ และนำตัวอ่อนย้ายกลับเข้าไปในโพรงมดลูก เพื่อให้เกิดการฝังตัวและตั้งครรภ์ต่อไปตามปกติ
ผู้สนใจสามารถอ่านเนื้อหาเกี่ยวกับเด็กหลอดแก้วเพิ่มเติมได้ที่ IVF อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคู่รักที่พยายามเท่าไหร่ก็ไม่ท้องสักที แต่สำหรับครอบครัว LGBTQ+ อย่าง ‘คู่รักหญิง-หญิง’ ที่เคยใฝ่ฝันถึงการเลี้ยงลูกที่เกิดจากผู้หญิงทั้งสอง เริ่มกลายเป็นจริงแล้วนะคะ หากผ่านกระบวนการทำ ‘เด็กหลอดแก้วประเภท Reciprocal’
เด็กหลอดแก้วประเภท Reciprocal คืออะไร
เด็กหลอดแก้วประเภท Reciprocal หรือ Co-IVF เป็นหนึ่งเทคโนโลยีทางเลือก คล้ายกับการทำเด็กหลอดแก้วทั่วไป ซึ่งจะเติมเต็มนิยามคำว่า ‘ครอบครัวในอุดมคติ’ ให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น โดยจะมีบทบาทอย่างมากกับครอบครัว LGBTQ+ อย่าง ‘คู่เลสเบี้ยน’ เพราะคู่รักทั้งสองฝ่าย จะมีส่วนร่วมในการให้ความอบอุ่นแก่เด็กในท้องด้วยมือของพวกเขาเอง
ครอบครัวคู่ LGBTQ+ กับเด็กหลอดแก้ว
การทำเด็กหลอดแก้วประเภท Reciprocal ที่ครอบครัวคู่รักหญิง-หญิงจะตกลงสร้างทายาทร่วมกัน จะเอื้อให้ทั้งคู่มีส่วนร่วมในการตั้งครรภ์ ให้กำเนิด และเลี้ยงดู ซึ่งแต่ละคนจะมีหน้าที่ที่แตกต่างกันออกไป โดยกระบวนการนี้ประกอบด้วยบุคคลหลัก 3 ฝ่าย ได้แก่
- ฝ่ายหญิง (นามสมมุติ A) : ผู้ให้ไข่
- ฝ่ายหญิง (นามสมมุติ B) : ผู้ตั้งครรภ์
- ฝ่ายชาย : ผู้บริจาคสเปิร์ม (บุคคลนอกครอบครัว)
ฝ่ายหญิง (A) นำไข่จากรังไข่ไปปฏิสนธิกับสเปิร์มที่รับบริจาคจากฝ่ายชาย เพื่อสร้างตัวอ่อน หรือ ‘เอ็มบริโอ’ (หมายถึง ระยะแรกในการพัฒนาตัวของสิ่งมีชีวิต สำหรับมนุษย์แล้ว ระยะเอ็มบริโอจะเริ่มหลังจากการปฏิสนธิจนกระทั่งสิ้นสุดสัปดาห์ที่ 8 และทำการย้ายตัวอ่อนไปยังมดลูกของฝ่ายหญิงอีกคน (B) ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ตั้งครรภ์ ซึ่งการเลือกว่าผู้ใดเหมาะสมในหน้าที่ใดนั้น สามารถตกลงกันได้ไม่มีเงื่อนไขเฉพาะ แต่ควรอยู่ในการดูแลของแพทย์
ขั้นตอนการทำเด็กหลอดแก้วประเภท Reciprocal
ช่วงก่อนทำ
- การตรวจสุขภาพ
ขั้นตอนแรกคือ การตรวจสุขภาพของทั้งสองฝ่าย ผ่านการประเมินอายุ ความแข็งแรงของร่างกาย และสุขภาพการเจริญพันธุ์ ทั้งนี้การวิเคราะห์ว่าใครเหมาะสมที่จะเป็นผู้บริจาคไข่และใครจะเป็นผู้ตั้งครรภ์มากกว่านั้น มีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มโอกาสการทำเด็กหลอดแก้วครั้งนี้ให้สำเร็จและเกิดข้อผิดพลาดน้อยที่สุด
- การเตรียมตัว
ฝ่ายหญิงที่เลือกจะบริจาคไข่ (A) จำเป็นต้องได้รับยาปรับฮอร์โมนด้านการเจริญพันธุ์ เพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตของไข่ในมดลูกให้ผลิตมากกว่า 1 ฟอง และแพทย์จะทำการนัดเก็บไข่เป็นประจำ เพื่อคัดเลือกไข่ที่สมบูรณ์ที่สุดและเพิ่มโอกาสในการปฏิสนธิ (จากธรรมชาติแล้ว ในแต่ละเดือนจะมีไข่ประมาณ 5-10 ใบที่โต แต่จะมีไข่เพียง 1 ฟองเท่านั้นที่จะได้ปฏิสนธิ)
เช่นเดียวกันกับฝ่ายหญิงที่ตั้งครรภ์ (B) ซึ่งจะต้องรับยาเพื่อกันไม่ให้มดลูกตกไข่เองตามธรรมชาติ นอกจากนี้ฝ่ายหญิงทั้งคู่จำเป็นต้องมีการปรับรอบเดือนให้ตรงกันผ่านการรับประทานยา เพื่อเอื้อให้ขั้นตอนจากการบริจาคไข่ การปฏิสนธิ จนถึงการฝักตัวอ่อน สามารถเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพภายในระยะเวลาอันสั้น
ระหว่างทำ
- การปฏิสนธิ
สเปิร์มที่ได้รับการบริจาค และไข่ของฝ่ายหญิงที่ถูกคัดเลือกแล้ว จะเข้าสู่กระบวนการปฏิสนธิภายนอกโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ขั้นตอนนี้จะอยู่ในห้องปฏิบัติการการแพทย์จนกว่าจะเกิดการเพาะเลี้ยง เพื่อตรวจสอบว่ามีตัวอ่อนฝักตัวหรือไม่
- ขั้นตอนการเพาะเลี้ยง
หลังจากได้ตัวอ่อนมาเรียบร้อยแล้ว จะต้องนำไปพัฒนาต่อในห้องปฏิบัติการประมาณ 5-6 วัน ซึ่งเราเรียกช่วงเวลานี้ว่า ‘ระยะ Blastocyst’ เพื่อควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น ก๊าซ ฯลฯ ให้ใกล้เคียงกับสภาวะในร่างกายมากที่สุด หลังจากนั้นก็จะถูกนำเข้าสู่โพรงมดลูกต่อไป
- การโอนถ่าย
ในการทำเด็กหลอดแก้ว แพทย์จะต้องเลือกตัวอ่อนจากการตรวจหาจำนวนโครโมโซมที่เหมาะสมของตัวอ่อน ก่อนย้ายกลับสู่โพรงมดลูก หรือที่เรียกว่า PGT ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการแท้งและลดความเสี่ยงของความผิดพลาดทางพันธุกรรม เมื่อโอนถ่ายเสร็จ ก็ถือเป็นขั้นตอนของ ‘การตั้งครรภ์’ ผลสำเร็จของเด็กหลอดแก้วประเภท Reciprocal
ประโยชน์ของเด็กหลอดแก้วประเภท Reciprocal
แน่นอนว่า การมีลูกถือเป็นอีกหนึ่งความใฝ่ฝันของผู้หญิงหลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งครอบครัวเลสเบี้ยนที่นวัตกรรมเด็กหลอดแก้วประเภท Reciprocal เปรียบเสมือนการขยายความหมายของคำว่า ‘ครอบครัว’ ให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ดังนั้นการทำเด็กหลอดแก้ว จะช่วยเติมเต็มประสบการณ์ในการสร้างครอบครัวที่ใฝ่ฝันและช่วยเปิดโอกาสให้ผู้หญิงทุกคนมีส่วนร่วมในการปฏิสนธิ ให้กำเนิดลูก และเลี้ยงลูกอย่างแท้จริง
ความเสี่ยงของการทำเด็กหลอดแก้วประเภท Reciprocal
การทำเด็กหลอดแก้วประเภท Reciprocal ถือเป็นเรื่องแปลกใหม่มากสำหรับประเทศไทย ดังนั้นหากคู่รักไหนที่สนใจการสร้างสิ่งสวยงามให้แก่ครอบครัว อาจต้องศึกษาเกี่ยวกับข้อกฎหมายเป็นอย่างดีก่อน นอกจากนี้ยังมีข้อพึงระวังอีกมากมาย เช่น
- ระยะเวลา กระบวนการนี้อาจใช้เวลานานหลายเดือน ก่อนที่จะเข้าสู่ระยะการตั้งครรภ์จริง เพราะมีหลายขั้นตอนที่กล่าวไปข้างต้น กว่าจะไปถึงผลสำเร็จ
- ต้นทุนสูง จากสถิติค่าใช้จ่ายการทำเด็กหลอดแก้วประเภท Reciprocal มีราคาประมาณ 4,700 – 30,000 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 156,000 – 1,000,000 บาท) ทั้งหมดนี้ยังไม่นับรวมราคาของการบริจาคสเปิร์มจากฝ่ายชาย
- ความล้มเหลว หลายครอบครัวที่ได้ทำเด็กหลอดแก้วทั้งแบบทั่วไปและประเภท Reciprocal มักเผชิญกับความล้มเหลวอันเนื่องมาจากปัญหาสุขภาพและอายุที่มากเกินไป จนครอบครัวไม่สามารถสานต่อความฝันของครอบครัวได้
ถึงแม้ว่านวัตกรรมการทำเด็กหลอดแก้วประเภท Reciprocal จะมีความเสี่ยงอยู่บ้างนะคะ แต่หากได้รับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนที่จะตัดสินใจทำอย่างจริงจัง ก็อาจจะช่วยให้คู่รักมองภาพและคาดการณ์ได้ว่าการทำเด็กหลอดแก้ว จะประสบความสำเร็จและอันตรายมากน้อยเพียงใด
ในปัจจุบัน ถึงแม้ว่า ‘เด็กหลอดแก้ว’ จะถูกใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยเอง และประสบความสำเร็จอย่างมากในการช่วยให้เติมเต็มสิ่งที่หลายครอบครัวถามหา แต่อย่างไรก็ตามนวัตกรรมเด็กหลอดแก้วประเภท Reciprocal นี้ยังคงสวนทางกับวิธีการแบบดั้งเดิมอยู่ทั้งในด้านของความนิยมและการเป็นที่รู้จัก
สุดท้ายนี้ นวัตกรรมเด็กหลอดแก้วประเภท Reciprocal ยังคงเป็นเรื่องที่แปลกใหม่และยังคงต้องได้รับการวิจัยในหลายส่วนอีกต่อไป ซึ่งในอนาคตเราอาจเห็นนวัตกรรมนี้สามารถประยุกต์ใช้กับครอบครัวรูปแบบอื่น ๆ อีกมากขึ้นก็เป็นได้ แต่เท่านี้เด็กหลอดแก้วประเภท Reciprocal ก็นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในวันข้างหน้าได้เลยนะคะ
