Search
Close this search box.
โรงเรียนทางเลือก

เจาะลึก โรงเรียนทางเลือก คืออะไร พร้อมแนวทางสอนในแต่ละแบบ

การเลือกโรงเรียนให้ลูกเป็นหนึ่งในเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ให้ความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะ ‘โรงเรียนทางเลือก’ ที่เริ่มเข้ามามีบทบาทเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะปัจจุบันนี้การศึกษาที่เน้นวิชาการเพียงอย่างเดียว อาจไม่พอ ยังต้องเสริมทักษะเฉพาะด้านที่เหมาะสมกับเด็กแต่ละคนด้วย เรียกได้ว่าให้ความสำคัญทั้ง IQ และ EQ เลยหล่ะค่ะ

หากคุณพ่อคุณแม่กำลังอยู่ในช่วงที่ต้องเลือกโรงเรียนให้ลูก วันนี้ Cotton Baby อยากจะพาไปทำความรู้จักกับโรงเรียนทางเลือกว่าคืออะไร มีรูปแบบไหนบ้าง และถ้าเกิดเริ่มสนใจขึ้นมาจริง ๆ เรามีลิสต์โรงเรียนทางเลือกมาแปะไว้ให้ด้วยนะคะ

รู้จัก ‘โรงเรียนทางเลือก’ คืออะไร

โรงเรียนทางเลือก คือ โรงเรียนที่มีระบบการศึกษาที่ยืดหยุ่น มีการปรับแนวทางการเรียนการสอนที่ไม่ได้เน้นการเขียนอ่าน และท่องจำ แต่จะมุ่งเน้นการพัฒนาทักษะจากความสามารถเฉพาะตัวของเด็กแต่ละคน โดยให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง เด็กจะได้เรียนรู้นอกห้องเรียนมากขึ้น ได้ลงมือปฎิบัติจริง ส่งเสริมให้เด็กกล้าคิด แสดงออก และมีความเป็นตัวของตัวเอง

ปัจจุบันโรงเรียนทางเลือกในแต่และแห่งจะมีแนวทางและรูปแบบการสอนที่แตกต่างกันไป จนเกิดเป็นลักษณะเฉพาะของโรงเรียนทางเลือกนั้น ๆ เอาหล่ะค่ะ…เราไปดูต่อกันเลยว่าแนวทางการสอนของโรงเรียนทางเลือกจะมีอะไรบ้าง

แนวทางการสอนของโรงเรียนทางเลือก

โรงเรียนทางเลือก มอนเตสซอรี (Montessori)
  • แนวการสอนแบบมอนเตสซอรี (Montessori)

โรงเรียนทางเลือกที่ใช้แนวทางการสอนแบบมอนเตสซอรี เชื่อว่าเด็กแต่ละคนมีความเฉพาะตัวที่แตกต่างกันออกไป เด็กทุกคนจึงควรได้รับการยอมรับ และเติบโตในแบบของตัวเองตามความสามารถที่มี ทำให้การเรียนการสอนแนวนี้มีเด็กหรือผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง อิงกับพัฒนาการและความต้องการตามธรรมชาติของเด็ก โดยโรงเรียนมีหน้าที่จัดสรรสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมกับวัยของเด็ก ให้เขาได้เรียนรู้ ตั้งคำถาม ลงมือทำด้วยตัวเอง เป็นอิสระภายในขอบเขตที่ปลอดภัย

สิ่งที่เด็กจะได้รับคือ การสะสมประสบการณ์และการเรียนรู้ มีความเข้าใจ และจดจำได้ดี มีความคิดเป็นของตัวเอง เมื่อเจอปัญหาในอนาคตเขาจะสามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเองอย่างสร้างสรรค์

โรงเรียนทางเลือก พหุปัญญา (Multiple Intelligence)
  • แนวการสอนแบบพหุปัญญา (Multiple Intelligence)

แนวคิดที่กำเนิดการสอนแบบพหุปัญญาของโรงเรียนทางเลือก ถูกพัฒนาโดย ศาสตราจารย์โฮวาร์ด การ์ดเนอร์ ที่เชื่อว่าโดยปกติมนุษย์มีปัญญาอยู่ในตัวหลากหลายด้าน ทำให้ความสามารถในแต่ละด้านนั้นมีความโดดเด่นในตัวของเด็กแต่ละคนแตกต่างกันไป โดยปัจจุบันทฤษฎีพหุปัญญามีทั้งหมด 9 ด้าน ดังนี้
– ปัญญาด้านภาษา ความสามารถในการใช้ภาษาในรูปแบบต่าง ๆ บวกกับมีทักษะการสื่อภาษาให้ผู้อื่นเข้าใจ
– ปัญญาด้านตรรกะ และคณิตศาสตร์ ความสามารถในการคิดแบบมีเหตุผล การคาดการณ์และคิดคำนวณ
– ปัญญาด้านมิติสัมพันธ์ มีการรับรู้ทางสายตาที่ดี สามารถมองเห็นพื้นที่ รูปทรง ระยะทาง มีความไวต่อการรับรู้ในเรื่องทิศทาง
– ปัญญาด้านการเคลื่อนไหวร่างกาย ความสามารถในการควบคุมความรู้สึก ใช้อวัยวะส่วนต่าง ๆ ได้ดี มีประสาทสัมผัสไว
– ปัญญาด้านดนตรี เข้าถึงสุนทรียศาสตร์ทางดนตรี ทั้งการได้ยิน การจดจำจังหวะ ท่วงทำนอง และโครงสร้างทางดนตรี
– ปัญญาด้านมนุษยสัมพันธ์ ความสามารถในการเข้าใจผู้อื่น พูดจูงใจได้ดี
– ปัญญาด้านการรู้ตนเอง ความสามารถในการรู้จักตนเอง แล้วใช้ความรู้นี้ในการวางแผนชีวิตของตนเองได้
– ปัญญาด้านธรรมชาติ ความสามารถในการสังเกตการเป็นอยู่ของธรรมชาติ สามารถกำหนดและจัดหมวดหมู่ สิ่งต่าง ๆ รอบตัวได้ดี
– ปัญญาในการคิดใคร่ครวญ ชอบคิด ใคร่รู้ แล้วตั้งคำถามกับตัวเองในเรื่องความเป็นไปของชีวิต และเรื่องเหนือธรรมชาติ

สิ่งที่เด็กจะได้รับคือ การพัฒนาและเสริมสร้างทักษะในด้านต่าง ๆ ที่มีอยู่ในตัว โดยมีผู้เชี่ยวชาญในปัญญาด้านต่าง ๆ มาช่วยสังเกตว่าเด็กแต่ละคนมีความโดดเด่นของปัญญาด้านใดบ้าง ซึ่งความจริงแล้วความสามารถเหล่านี้จะมีอยู่อยู่ในตัวของมนุษย์ทุกคน มาก-น้อยแตกต่างกันไป แต่สามารถพัฒนาและเสริมสร้างซึ่งกันและกัน จนนำไปสู่ความสามารถโดดเด่นเฉพาะตัวได้

โรงเรียนทางเลือก ภาษาธรรมชาติ (Whole Language Approach)
  • แนวการสอนแบบภาษาธรรมชาติ (Whole Language Approach)

เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่หลายคนคงจะให้ความสำคัญกับเรื่องภาษาเป็นอย่างมาก อยากให้ลูก ๆ มีความสามารถด้านภาษาอย่างครบทุกมิติ โรงเรียนทางเลือกที่มีการสอนภาษาแบบธรรมชาติ จะทำให้เด็กได้เรียนรู้การใช้ภาษาอย่างรอบด้าน ทั้งการฟัง พูด อ่าน เขียน ไปตามธรรมชาติ สอดคล้องกับวัย ไม่ตีกรอบว่าต้องอ่านก่อน หรือเขียนก่อน เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ให้ลงมือทำด้วยตนเอง เช่น การอ่าน/ฟังนิทาน เล่าเรื่องราว เขียนคำที่สนใจจากเรื่องที่ได้ฟัง

สิ่งที่เด็กจะได้รับคือ มีโอกาสเลือกทำกิจกรรมอย่างอิสระ โดยมีครูเป็นผู้สนับสนุนการเรียนรู้ ได้สร้างปฏิสัมพันธ์กับสังคม เพื่อการใช้ชีวิตหรือเข้าสังคมในอนาคต ซึ่งห้องเรียนก็คือสังคมหนึ่ง ไม่มีการแบ่งกลุ่มเด็กเก่ง เด็กอ่อนของห้อง และที่สำคัญคือได้สัมผัสประสบการณ์ทางภาษาในชีวิตประจำวันอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่รู้สึกว่าถูกยัดเยียด รวมถึงเป็นการสร้างทัศนคติที่ดีต่อการเรียนรู้ ช่วยให้เด็กได้รับการพัฒนาทางภาษาอย่างครบทุกมิติ

โรงเรียนทางเลือก วอลดอร์ฟ (Waldorf)
  • แนวการสอนแบบวอลดอร์ฟ (Waldorf)

คุณพ่อคุณแม่บ้านไหนที่เชื่อว่าจินตนาการของเด็กคือการเรียนรู้ โรงเรียนทางเลือกที่มีแนวการสอนแบบวอลดอร์ฟ อาจตอบโจทย์ก็ได้นะคะ เพราะแนวคิดนี้เชื่อในมนุษยนิยม ที่มนุษย์ทุกคนมีความสง่างามและคุณค่าในตัวเอง โรงเรียนจะให้ความสำคัญกับความเป็นมนุษย์ จินตนาการ และจุดสมดุลของตัวเองในการใช้ชีวิตบนโลก มีการศึกษาแบบบูรณาการวิชาการไปกับกิจกรรรมต่าง ๆ จะสอนตามพัฒนาการของเด็ก เน้นการเรียนรู้แบบธรรมชาติ ไม่มีห้องเรียน ไม่มีกระดานดำ แต่สิ่งที่มีคือ มุมเรียนรู้ต่าง ๆ ทั้งในกลางแจ้งและในห้องเรียน โดยมีครูคอยดูแลอยู่อย่างใกล้ชิด เด็กจะได้เล่นอย่างอิสระ ใช้ชีวิตเรียบง่ายกลมกลืนกับธรรมชาติ ค่อย ๆ เรียนรู้จุดยืนที่สมดุลของตัวเองในการใช้ชีวิต ผ่านกิจกรรมทางกาย อารมณ์ความรู้สึก และการคิด

สิ่งที่เด็กจะได้รับคือ เติบโตขึ้นมามีบุคลิกภาพที่สมดุลกับสิ่งแวดล้อม ผ่านการเรียนรู้ทางกายที่ได้ลงมือทำ ผ่านหัวใจที่ได้มีความรู้สึกต่าง ๆ และผ่านสมองที่ได้ใช้ความคิด ส่งผลให้เด็กพัฒนาทั้งด้านร่างกายและจิตวิญญาณ และจะพัฒนาถึงศักยภาพสูงสุดตามความสามารถที่โดดเด่นของตัวเองได้

โรงเรียนทางเลือก นีโอ-ฮิวแมนนิสต์ (Neo-Humanist Education)
  • แนวการสอนแบบนีโอ-ฮิวแมนนิสต์ (Neo-Humanist Education)

เด็กเก่ง ฉลาด แข็งแรง มีความสุขในชีวิต คนเป็นพ่อแม่ก็หวังให้ลูกมีเท่านี้แหละค่ะ แต่กว่าจะมีสิ่งเหล่านี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยถ้าเราเริ่มต้นผิดเส้นทาง แต่โรงเรียนทางเลือกที่มีแนวคิดนีโอ-ฮิวแมนนิสต์ จะช่วยให้เด็กมีสกิลเหล่านี้ได้ เพราะมีความเชื่อว่ามนุษย์เป็นสิ่งที่มีชีวิตที่ต้องการพัฒนาตนเองไปเรื่อย ๆ ไม่มีที่สิ้นสุด โดยให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและการศึกษาในวัยเด็กอย่างมาก เพราะมีอิทธิพลต่อคุณธรรมและความสุข ส่วนความเก่งและความฉลาดของแต่ละคนเป็นสิ่งที่มีอยู่ในตัวมนุษย์อยู่แล้ว โดยรูปแบบการเรียนจะสอดคล้องกับหลักการ 4 ข้อ คือ (ซึ่งทางโรงเรียนก็จะมีกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างหลักการเหล่านี้แทรกเข้าไปด้วย)
– คลื่นสมองต่ำ เพราะคลื่นสมองยิ่งต่ำลงมากเท่าไหร่ ประสิทธิภาพการทำงานของคนยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น แสดงถึงความสงบในใจ ใจเย็น อารมณ์ดี มีความคิดสร้างสรรค์สูง ไม่วอกแวก
– การประสานของเซลล์สมอง แนวการสอนนี้เชื่อว่าความฉลาดสร้างได้! เพราะความฉลาดเกิดจากเซลล์สมองประสานเข้าด้วยกัน ซึ่งจะขยายตัวได้ดีเมื่อมือกับเท้าทำงานมาก จึงจะเน้นให้เด็กเรียนและเคลื่อนไหวไปพร้อมกัน
– ภาพพจน์ของตัวเอง วัยเด็กเป็นช่วงเวลาที่สามารถแต่งเติมอะไรเข้าไปก็ง่าย การปลูกฝังจิตใต้สำนึกด้านบวกในจิตใจจึงสำคัญมาก เพราะถ้าเขาบันทึกแต่เรื่องแย่ ๆ ไว้ เมื่อโตขึ้นมามีภาพพจน์ต่อตัวเองเป็นลบ พฤติกรรมที่ออกมาก็จะเป็นลบตามไปด้วย

สิ่งที่เด็กจะได้รับคือ พัฒนาการด้านต่าง ๆ ที่เป็นไปอย่างเหมาะสม และแสดงออกได้สูงสุดทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ พร้อมทั้งความรู้ความสามารถที่พึ่งพาตัวเองได้ มีความสุขในชีวิต ภาคภูมิใจในตัวเอง

โรงเรียนทางเลือก เรกจิโอ เอมิเลีย (Reggio Emilia)
  • แนวการสอนแบบเรกจิโอ เอมิเลีย (Reggio Emilia)

ถ้าครอบครัวของคุณเชื่อว่าสภาพแวดล้อมความเป็นอยู่โดยรอบจะส่งผลต่อการเรียนรู้ของเด็ก แนวการสอนนี้ในโรงเรียนทางเลือก อาจเป็นส่วนหนึ่งที่จะมาเติมเต็มได้ค่ะ เพราะมีหลักคิดว่าตัวกำหนดที่ทำให้เกิดการเรียนรู้มาจากปฏิสัมพันธ์และบริบทที่เด็กอยู่ หมายถึงว่า ชุมชน สภาพแวดล้อมโดยรอบจะเป็นตัวกำหนดและมีผลต่อการเรียนรู้ของเด็ก และยังเชื่อว่าเด็กแต่ละคนมีศักยภาพติดตัวมาตั้งแต่เกิด ซึ่งครู และพ่อแม่ เป็นเพียงผู้ชี้ทางและกระตุ้นให้เด็กรู้แล้วแสดงมันออกมา ผ่านความคิด การเรียนรู้ การลงมือทำ แก้ไขปัญหา เน้นสิ่งเหล่านี้มากกว่าการพูดสอนแบบทั่วไป โดยมีการเรียนรู้จากปฏิสัมพันธ์สิ่งรอบตัวผ่านการทำโครงการต่าง ๆ ในหัวข้อที่เด็กสนใจ ได้ออกไปค้นคว้าหาความรู้จากสิ่งแวดล้อมและประสบการณ์จริง ทำให้ได้รับข้อมูลจากผู้รู้และสิ่งรอบตัวในสังคม ได้สื่อสารสิ่งที่ตัวเองคิดผ่านศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นการวาดรูป ประดิษฐ์ เขียนข้อความ แต่งกลอน นอกจากนี้โรงเรียนทางเลือกแบบเรกจิโอ เอมิเลีย ยังเป็นสถานที่ตัวกลางให้เด็ก ผู้ใหญ่ และสังคม มีส่วนร่วมในการส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กอีกด้วย

สิ่งที่เด็กจะได้รับคือ การพัฒนาศักยภาพที่มีอยู่ของตัวเอง ผ่านการมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งรอบตัว มีความมั่นใจในตัวเองที่จะสื่อสารในสิ่งที่คิดให้ผู้อื่นเข้าใจ มีน้ำใจ ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน มีอิสระทางความคิดได้อย่างเต็มที่ ไม่มีข้อจำกัดเรื่องเวลา ใช้เวลาพัฒนาความสามารถตนเองได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย

โรงเรียนทางเลือก โครงการ (Project Approach)
  • แนวการสอนแบบโครงการ (Project Approach)

แม้ว่าโรงเรียนทางเลือกมักจะเน้นการเรียนรู้ที่ผ่านประสบการณ์ซะส่วนใหญ่ แต่สำหรับแนวการสอนนี้ เป็นแนวคิดที่พัฒนามาจากการเรียนรู้แบบเรกจิโอ เอมิเลีย เป็นในรูปแบบให้เด็กที่สนใจในเรื่องใดก็ตาม สามารถสืบค้นข้อมูลได้เอง โดยเลือกทำโครงการในหัวข้อที่ตนสนใจ ศึกษา รวบรวม ค้นคว้า ทั้งจากแหล่งข้อมูลและสิ่งแวดล้อมจริงมานำเสนอได้เลย เน้นสอนให้เด็ก Learning to Learn และ Learning to Think ครูมีส่วนช่วยบูรณาการกิจกรรม ภาษาไทย อังกฤษ คณิต วิทย์ สังคม ผนวกเข้ากับกระบวนการเรียนรู้

สิ่งที่เด็กจะได้รับคือ สามารถเรียนรู้ด้วยตนเองได้ โดยไม่ยึดติดว่าต้องไปเรียนจากแหล่งความรู้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น มีความสุขที่ได้ศึกษาในเรื่องที่ตัวเองสนใจจริง ๆ และรู้จักคิด วิเคราะห์ พิจารณาสิ่งต่าง ๆ อย่างมีเหตุมีผล ทำงานอย่างมีแบบแผนได้สมบูรณ์

โรงเรียนทางเลือก ไฮสโคป (High Scope)
  • แนวคิดการสอนแบบไฮสโคป (High Scope)

เมื่อเราทำสิ่งใดสำเร็จได้ด้วยตนเองก็มักจะเกิดความภาคภูมิใจ เด็กก็เช่นเดียวกันค่ะ ทำให้โรงเรียนทาวเลือกแบบไฮสโคปเป็นอีหนึ่งรูปแบบที่น่าสนใจ เพราะเป็นแนวการเรียนการสอนที่เน้นพัฒนาศักยภาพของเด็ก ผ่านการลงมือทำด้วยพื้นที่มุมเล่นที่หลากหลาย สื่อและกิจกรรมที่เหมาะสมกับพัฒนาการของเด็ก เปิดโอกาสให้เด็กเป็นผู้ริเริ่มการเล่นหรือกิจกรรมต่าง ๆ อย่างอิสระ ทำให้เด็กได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรง เกิดความคิด ความรู้ ความเข้าใจ และรู้จักลงมือแก้ปัญหาด้วยตนเอง โดยหลักปฏิบัติ 3 อย่างด้วยกัน คือ การวางแผน (Plan) การปฏิบัติ (Do) และการทบทวน (Review)

สิ่งที่เด็กจะได้รับคือ เรียนรู้ถึงการมีปฏิสัมพันธ์เชิงบวกกับผู้อื่น ผ่านการลงมือทำงานร่วมกัน มีระบบความคิดเป็นขั้นตอน ได้ฝึกสมาธิ ความเป็นระเบียบวินัย และเมื่อทำสิ่งใดสำเร็จด้วนตนเอง เขาจะภูมิใจและเคารพในตัวเอง กล้าคิด กล้าทำ และสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยตนเอง

โรงเรียนทางเลือก โรงเรียนวิถีพุทธ
  • โรงเรียนวิถีพุทธ

เป็นอีกหนึ่งโรงเรียนทางเลือกที่คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่หันมาให้ความสนใจกันมากขึ้น มีการพัฒนาผู้เรียนโดยใช้หลักพุทธธรรมหรือองค์ความรู้ที่เป็นคำสอนในพระพุทธศาสนา มาจัดเป็นการเรียนการสอน โดยมีตัวตั้งเป็นการใช้ชีวิต เข้าใจความจริงของชีวิต มีการพัฒนาด้านศีล สมาธิ และปัญญา รู้จักวิธีปฏิบัติเพื่อพัฒนาจิตใจ เป็นการบูรณาการพุทธธรรมในการเรียนรู้ และกระบวนการเรียนรู้ด้วยตนเองแบบองค์รวม

สิ่งที่เด็กจะได้รับคือ ได้รับการศึกษาที่อยู่บนฐานของความจริงตามธรรมชาติ จะได้ กิน อยู่ ดู ฟัง เป็น โดยใช้ปัญญาให้เกิดประโยชน์ รวมถึงเรียนรู้การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นกัลยาณมิตรตามหลักทางสายกลาง

ลิสต์รายชื่อโรงเรียนทางเลือก กรุงเทพฯ และปริมณฑล

ลิสต์รายชื่อโรงเรียนทางเลือก กรุงเทพฯ และปริมณฑล

โรงเรียนอนุบาลวรพิม (Montessori) กรุงเทพฯ

โรงเรียนอนุบาลยุวมิตร (Montessori) กรุงเทพฯ

โรงเรียนอนุบาลบ้านพลอยเพลิน (Montessori) กรุงเทพฯ

โรงเรียนอนุบาลกรแก้ว (Montessori) กรุงเทพฯ

โรงเรียนอนุบาลอมรรัตน์ (Project Approach) กรุงเทพฯ

โรงเรียนอนุบาลกุ๊กไก่ (Project Approach) กรุงเทพฯ

โรงเรียนเพลินพัฒนา (Waldorf) กรุงเทพฯ

โรงเรียนปัญโญทัย (Waldorf) กรุงเทพฯ

โรงเรียนศิริ์รัถยา (Waldorf) กรุงเทพฯ

โรงเรียนไตรพัฒน์ (Waldorf) ปทุมธานี

โรงเรียนอนุบาลมณีรัตน์ (Reggio Emilia) กรุงเทพฯ

โรงเรียน ณ ดรุณ (Reggio Emilia) กรุงเทพฯ

โรงเรียนอมาตยกุล (Neo-Humanist Education) กรุงเทพฯ

โรงเรียนภักดีพรรณ (Neo-Humanist Education) ชลบุรี

โรงเรียนจารุวรรณ (Multiple Intelligence) กรุงเทพฯ

โรงเรียนอนุบาลวัชรพล (Multiple Intelligence) กรุงเทพฯ

โรงเรียนบริบูรณ์ศิลป์รังสิต (Multiple Intelligence) ปทุมธานี

โรงเรียนทอรัก (Whole Language Approach) สมุทรปราการ

โรงเรียนอนุบาลวัฒนาสาธิต (Whole Language Approach) กรุงเทพฯ

โรงเรียนทอสี (วิถีพุทธ) กรุงเทพฯ

โรงเรียนเพลินพัฒนา (วิถีพุทธ) กรุงเทพฯ

https://th.zmyhome.com/

https://th.theasianparent.com/

https://aboutmom.co/

OKMD สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน)

https://www.facebook.com/OKMDInspire/

SHARE

RELATED POSTS

ตอบรับความสนใจของคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ ที่อยากส่งลูกเรียนอินเตอร์ กับลิสต์ ‘โรงเรียนนานาชาติเปิดใหม่’…