หยุดพฤติกรรมเสี่ยงทำเด็กฟันผุ เรื่องสำคัญที่พ่อแม่มองข้าม
ปัญหาเด็กฟันผุเกิดขึ้นกับทุกบ้าน คุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่มักคิดว่าเป็นเรื่องปกติที่ลูกฟันผุ แต่แท้จริงแล้วความเจ็บปวดเหล่านี้แสนอันตราย เพราะหากคุณพ่อคุณแม่ไม่รีบพาน้องไปรักษา อาจส่งผลให้ฟันน้องล้มหรือเกิดการติดเชื้อจากฟันผุได้ ซึ่งปัญหานี้สามรถแก้ไขได้ ถ้าผู้ปกครองหันมาทำความเข้าใจปัญหาเด็กฟันผุเสียก่อน แล้วศึกษาเรียนรู้ถึงพฤติกรรม และวิธีการที่ช่วยป้องกันฟันผุให้ลูก มาเริ่มกันเลย!
สารพัดสาเหตุที่ทำให้เด็กฟันผุ
รู้ไหมว่าสาเหตุที่ทำให้ลูกฟันผุนั้นไม่ได้มาจากแค่การรักษาความสะอาดทางช่องปากที่ไม่ดีหรือไม่ครอบคลุมตั้งแต่ลูกมีฟันซี่แรกเพียงอย่างเดียว แต่ยังมาจากสาเหตุเหล่านี้อีกด้วยนะ
- คุณแม่คลอดก่อนกำหนด
- เด็กฟันผุเพราะโครงสร้างของฟันไม่สมบูรณ์
- คุณแม่ติดเชื้อขณะตั้งครรภ์ทำให้ลูกฟันผุ
- พฤติกรรมการป้อนอาหารให้เจ้าหนูทำให้เด็กฟันผุ
- รับประทานขนมหวานมากไป
- ไม่แปรงฟันจนกลายเป็นฟันผุ
- สอนให้ลูกน้อยแปรงฟันผิดวิธี
เนื่องจากเคลือบฟันของฟันน้ำนมในเด็กนั้นมีความหนาเพียงครึ่งหนึ่งของฟันเท่านั้น เมื่อเด็กเริ่มกินอาหารได้ เศษอาหารจะติดตามซอกฟัน หากไม่ได้รับการแปรงฟันอย่างถูกวิธี จะทำให้สิ่งสกปรกเหล่านั้นสะสมไปเรื่อย ๆ แบคทีเรียจะเติบโต หลายเป็นกรดไปกัดชั้นเคลือบฟันจนหมดไป เมื่อเคลือบฟันหมด แบคทีเรียก็จะกัดชั้นฟันของเด็ก ๆ จนทำให้เด็กฟันผุได้อย่างง่ายดาย
สัญญาณเตือนบอกอาการเด็กฟันผุ
ในช่วงแรกที่เด็กฟันผุ จะไม่ค่อยแสดงอาการเจ็บปวดมากเท่าไหร่ ลองสังเกตที่ฟันของเจ้าหนูในระยะแรกจะพบรอยสีขาวขุ่นเป็นจุดที่ฟัน ระยะต่อมาฟันจะผุมากขึ้นจนมีโพรงด้านข้างของซี่ฟัน ในระยะนี้เด็กฟันผุจะเริ่มมีอาการเสียวฟัน เมื่อมีเศษอาหารเข้าไปติด เจ้าหนูจะรู้สึกปวดฟัน หากไม่ทำความสะอาดจะทำให้ปากเหม็น และในระยะสุดท้ายที่ลูกฟันผุ อาจทำให้ปวดฟันไปถึงขั้นปวดประสาท เคี้ยวยาก ไม่อยากรับประทานอาหาร ซึ่งเด็กฟันผุบางรายอาจมีอาการเหงือกอักเสบร่วมด้วย
หยุดพฤติกรรมเสี่ยง เปลี่ยนพฤติกรรมเด็ก ด้วยวิธีง่าย ๆ
- ให้ลูกกินนมด้วยขวดได้ไม่เกิน 12–14 เดือน
ปัญหาลูกฟันผุจะหมดไปหากคุณเปลี่ยนพฤติกรรมการกินนมด้วยขวดนมของเจ้าหนูตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยให้ลูกกินได้ไม่เกิน 12–14 เดือน หากปล่อยให้ลูกกินนมด้วยขวดนมนานเกินไป ลูกจะชินกับการอมนมไว้ในปากนานจนนมไปกัดกร่อนฟัน ซึ่งอาจส่งผลให้เด็กฟันผุได้
- ไม่ปล่อยให้ลูกเดินดูดขวดนมนานกว่า 20 นาที
หากปล่อยให้เจ้าหนูดูดขวดนมนานเกิน 20 นาที อาจทำให้ลูกฟันผุได้ เพราะนมที่อยู่ในปากจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาล ย่อยจนกลายเป็นกรด ซึ่งจะไปทำลายแคลเซียมในฟันจนทำให้เด็กฟันผุ!
- เริ่มแปรงฟันให้ลูกตั้งแต่มีฟันซี่แรกขึ้น หรือเช็ดฟันด้วยน้ำสะอาด
ผู้ปกครอบบางคนเห็นว่าฟันซี่แรกของลูกเพิ่งขึ้น ปัญหาลูกฟันผุคงไม่เกิดหรอก ไม่จำเป็นต้องแปรงฟันก็ได้ แต่ในความจริงแล้วเมื่อฟันซี่แรกขึ้น ควรเริ่มแปรงฟันหรือเช็ดฟันด้วยน้ำสะอาดในทันที เพราะจุลินทรีย์จะกัดกร่อนแคลเซียมที่ฟัน ทำให้เด็กฟันผุได้ หากไม่อยากให้ลูกฟันผุ อย่าลืมสังเกตฟันซี่แรกของลูกแล้วแปรงอย่างถูกวิธีนะคะ
- พาลูกไปพบทันตแพทย์ตั้งแต่อายุ 12 เดือน หรือเร็วกว่านั้น
การพาเจ้าหนูไปพบทันตแพทย์ตั้งแต่ยังเล็ก ถือเป็นเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ควรใส่ใจ เพราะปัญหาเด็กฟันผุสามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่เด็กเล็กเป็นต้นไป หากลูกอยู่ในการดูแลของทันตแพทย์แล้ว ปัญหาลูกฟันผุคงน้อยลง เพราะได้รับการป้องกันอย่างถูกวิธีตามคำแนะนำของแพทย์
- หลีกเลี่ยงน้ำผลไม้หรือโซดา และดื่มน้ำผลไม้ได้ไม่เกิน 1 แก้วต่อวัน
การดื่มน้ำหวานอย่างน้ำผลไม้หรือน้ำโซดานั้น แม้จะเป็นเครื่องดื่มที่เจ้าหนูชอบ แต่ทันตแพทย์อาจไม่สุขใจเท่าไหร่นัก เครื่องดื่มพวกนี้มีส่วนผสมของน้ำตาลที่สามารถทำลายฟันของลูกน้อยจนเด็กฟันผุ แต่ถ้าเจ้าหนูงอแงจะกินให้ได้ อนุญาตให้ลูกดื่มน้ำผลไม้ได้ไม่เกิน 1 แก้วต่อวันเท่านั้น หากมากกว่านั้นแล้วไม่แปรงฟันให้ถูกวิธี อาจทำให้เด็กฟันผุได้
- จัดตารางเวลาอาหารประจำวันให้เป็นระบบ
การจัดตารางอาหารประจำวันเป็นระบบให้เจ้าหนูจะช่วยให้ร่างกายทำงานได้ดีขึ้น เมื่อรับประทานอาหารเป็นเวลาแล้ว ก็ควรสอนให้ลูกเคยชินกับการแปรงฟันหลังมื้ออาหารทุกครั้ง ถือเป็นการป้องกันปัญหาลูกฟันผุได้อย่างดีเลยนะ
- ระหว่างมื้ออาหารควรให้ลูกดื่มน้ำเปล่า ไม่ใช่น้ำหวาน !
นอกจากสารอาหารจากนมที่เจ้าหนูควรได้รับแล้ว น้ำเปล่าก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ หากไม่ต้องการให้ลูกฟันผุ ควรเลือกให้เจ้าหนูดื่มน้ำเปล่าแทนน้ำหวาน เพราะน้ำเปล่าจะช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น ปัญหาเด็กฟันผุจะหมดไป เจ้าหนูจะกระปรี้กระเปร่าตลอดทั้งวัน
คุณพ่อคุณแม่คนไหนที่กำลังเผชิญปัญหาลูกฟันผุอยู่ในตอนนี้ ลองหยุดพฤติกรรมเสี่ยงที่จะทำให้ลูกฟันผุ แล้วหันมาปรับพฤติกรรมลูกใหม่ เพราะสิ่งที่ลูกทำในชีวิตประจำวันนี่แหละ เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เด็กฟันผุ คุณทำเริ่มวันนี้ ลูกฟันสวยวันหน้าอย่างแน่นอน